เข้าถึงสภาพคล่องเพื่อรับมือกับดอลลาร์สหรัฐ

ถ้าทุกอย่างเป็นไปตามคาด การขึ้นอัตราดอกเบี้ยจะทำให้สกุลเงินต่างๆ ได้รับความสนใจจากนักลงทุนมากขึ้น และนั่นจะทำให้อัตราแลกเปลี่ยนเพิ่มขึ้นตามไปด้วย สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นในปี 2022 และส่งผลให้เงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าทำลายสถิติในรอบหลายปีเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักสกุลอื่น นอกจากนี้แล้ว ดอลลาร์สหรัฐยังได้รับอานิสงส์จากการที่ตัวเองเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยในยามที่ทั่วโลกต้องเผชิญกับภาวะเงินเฟ้อและความตึงเครียดทางภูมิศาสตร์การเมือง รวมถึงเมื่อประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่ดูเหมือนว่าจะกำลังจะเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย

ความจริงแล้ว สถานการณ์ในปัจจุบันของเงินดอลลาร์สหรัฐมีจุดเริ่มต้นที่ไม่ค่อยน่าพิศมัยเท่าไรนัก เพราะเงินดอลลาร์อ่อนค่ามากที่สุดในรอบกว่า 5 ปีเมื่อเดือนพฤษภาคม 2021 ในตอนที่ตลาดยังเชื่อว่าธนาคารกลางของสหรัฐฯ (เฟด) จะคงอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงไว้ใกล้ศูนย์ในอนาคตอันใกล้

แต่เมื่อเงินเฟ้อสูงขึ้น จึงมีการคาดการณ์กันมากขึ้น ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ซึ่งในที่สุดสิ่งนี้ก็เกิดขึ้นภายในเวลาไม่นาน โดยเริ่มตั้งแต่เดือนธันวาคม 2021 เป็นต้นมา ซึ่งหลังจากนั้นเงินดอลลาร์ก็แข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่องจนทำสถิติสูงสุดในรอบ 20 ปีเมื่อเทียบกับเงินยูโร เงินเยน และเงินปอนด์สเตอร์ลิงในปีนี้

การแข็งค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจโลกซบเซาเป็นสิ่งที่ทำให้เห็นได้ชัดเจนว่า เงินดอลลาร์สหรัฐยังเป็นสกุลเงินสำรองหลักของโลก  อีกทั้งยังแสดงว่าการตัดสินใจทางนโยบายของเฟดมีผลสะท้อนต่อเนื่องไปทั่วโลกได้มากขนาดไหน ปัจจุบัน ความตั้งใจของเฟดที่ต้องการชะลอภาวะเงินเฟ้อภายในประเทศสร้างความปั่นป่วนทั่วโลก รวมทั้งส่งผลเสียต่อการส่งออกของสหรัฐอเมริกา และทำให้บริษัทของสหรัฐที่มีรายได้เป็นเงินดอลลาร์สหรัฐได้รับกำไรน้อยลง

ซึ่งนี่คือแรงกดดันที่เงินดอลลาร์จะต้องแบกรับในฐานะพี่ใหญ่ของตลาดเงิน

ความแข็งแกร่งของเงินดอลลาร์มาจากการเป็นสกุลเงินสำรองของโลกและหน่วยแลกเปลี่ยนของสินค้าโภคภัณฑ์ระดับโลกส่วนใหญ่ รวมไปถึงการเป็นเจ้าตลาดการค้าโลก ผลการศึกษาของกองทุนการเงินระหว่างประเทศพบว่า ประมาณ 40% ของข้อตกลงการค้าทั่วโลกมีหน่วยเป็นเงินดอลลาร์สหรัฐ[1]

ราคาสินค้าโภคภัณฑ์กลุ่มพลังงานและอาหารก็มีราคาพุ่งขึ้นอย่างมากในปีนี้ โดยเป็นผลมาจากการขาดแคลนอุปทานที่ยิ่งเลวร้ายลงและกินเวลานานขึ้นอันเนื่องมาจากสงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครน อย่างไรก็ตาม ประเทศที่สกุลเงินเงินอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์ต้องเผชิญความเสียหายยิ่งกว่า อีกทั้งยังต้องพยายามหาเงินมาชำระหนี้บอลลูนเป็นเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐด้วย

สำหรับประเทศเศรษฐกิจใหม่หลายประเทศ การกู้เงินดอลลาร์มีต้นทุนสูงขึ้นและหักล้างกับความได้เปรียบในการส่งออกที่เกิดจากการมีสกุลเงินอ่อนค่ากว่าไปจนหมด[2]
ส่วนผู้ส่งออกในประเทศพัฒนาแล้วหลายประเทศก็ไม่อาจสร้างความได้เปรียบด้านการแข่งขันได้อย่างเต็มที่จากอัตราแลกเปลี่ยนที่ส่งผลดีกับตนเองเนื่องจากปริมาณผลผลิตได้รับผลกระทบจากการขาดแคลนพลังงาน

ค่าเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักการค้าของเงินดอลลาร์สูงขึ้นต่อเนื่องในปีนี้

Accessing liquidity to cope with King Dollar
ที่มา:Bloomberg

ที่มาของรูป: https://www.bloomberg.com/opinion/articles/2022-09-15/us-interest-rates-are-becoming-weapons-of-mass-economic-destruction#xj4y7vzkg

สรุปสั้นๆ ก็คือ นอกเหนือจากนักเดินทางชาวอเมริกันที่สามารถไปเที่ยวต่างประเทศด้วยค่าใช้จ่ายถูกลงแล้ว ผู้ที่ได้ประโยชน์จากการที่สกุลเงินดอลลาร์แข็งค่าหรือการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนั้นมีเพียงไม่กี่กลุ่มเท่านั้น อัตราดอกเบี้ยสหรัฐฯ ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วง 40 ปีที่ผ่านมา และเป็นหนึ่งในปัจจัยหลักที่ทำให้เกิดความไม่เสถียรทางการเงินระหว่างประเทศ และในปัจจุบันถูกมองว่าเป็นภัยคุกคามหลักของเศรษฐกิจโลก เนื่องจากธนาคารของประเทศอื่นๆ จำต้องปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยของตัวเองตามไปด้วยเพื่อปกป้องสกุลเงินของประเทศ[3]

คำถามคือแล้วนักลงทุนจะรับมืออย่างไร

การป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนหรือการลงทุนในกองทุนที่มีการป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนอย่างต่อเนื่องเป็นกลยุทธ์หนึ่งที่ช่วยลดความผันผวนได้เป็นอย่างดี ถึงแม้ว่าอาจจะไม่ใช่แนวทางที่จะทำให้ได้รับผลตอบแทนชนะตลาดก็ตาม

บางคนชี้ว่าเงินดอลลาร์อาจจะปรับตัวสูงกว่าเป้าหมาย เปิดโอกาสให้เข้าซื้อเพื่อถือข้ามประเทศ แต่อาจจะต้องคำนึงถึงความเสี่ยงของภาระชำระหนี้เป็นเงินสกุลเงินดอลลาร์ที่เพิ่มขึ้นด้วย[4] นอกจากนี้ มูลค่ายังเป็นตัวชี้วัดสำคัญที่ต้องพิจารณา เพราะปัจจุบันหุ้นคุณค่ามีมูลค่าสูงกว่ารอบการลงทุนครั้งไหนๆ ตั้งแต่ปี 1990 เป็นต้นมา[5]

การนำกลยุทธ์เหล่านี้มาใช้จึงมีความท้าทายมากขึ้นท่ามกลางสภาพคล่องที่ตึงตัว สินเชื่อแบบใช้หลักทรัพย์ค้ำประกันเป็นทางออกที่น่าสนใจหากต้องการสร้างสภาพคล่องในยามที่เงินทุนขาดมือ และเป็นแหล่งเงินทุนให้นักลงทุนนำไปลงทุนในภูมิภาคและภาคธุรกิจอื่นๆ เพื่อกระจายความเสี่ยงหรือป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน โดยที่ไม่ต้องเสียโอกาสในการรับผลกำไรจากหลักทรัพย์ที่ตนเองถืออยู่ เพราะยังคงถือครองหลักทรัพย์เหล่านั้นต่อไปได้แล้วค่อยขายหลังจากสภาพคล่องในตลาดฟื้นตัว

แล้วเงินดอลลาร์จะอ่อนค่าลงเมื่อไหร่

ดอลลาร์น่าจะอ่อนค่าลงเมื่อเงินเฟ้อสหรัฐฯ กลับมาอยู่ภายใต้การควบคุมและมีการผ่อนคลายนโยบายการขึ้นอัตราดอกเบี้ยลง ซึ่งเป็นสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้นอย่างน้อยก็จนกว่าจะสิ้นปี 2022 Raphael Bostic ประธานเฟดสาขาแอตแลนตาชี้ว่าอาจจะหยุดพักการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยชั่วคราวหลังจากอัตราดอกเบี้ยนโยบายปรับเพิ่มขึ้นมาอยู่ระหว่าง 4% ถึง 4.5% ในเดือนธันวาคม[6] ภาวะเงินเฟ้อ การจ้างงาน และกิจกรรมทางธุรกิจในสหรัฐฯ ล้วนแต่แข็งแกร่งกว่าประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่ในยุโรปและเอเชีย ซึ่งช่องว่างดังกล่าวจะต้องแคบลงเพื่อให้เงินดอลลาร์อ่อนค่าลง และเนื่องจากสหรัฐฯ ถือเป็นผู้ส่งออกพลังงานเมื่อพิจารณาจากมูลค่าการส่งออกและนำเข้าสุทธิ ดังนั้น หากราคาพลังงานโลกลดลงก็อาจทำให้ค่าเงินของสหรัฐฯ อ่อนค่าลงเช่นกัน[7]

นักลงทุนจะต้องเฝ้าจับตาสัญญาณเหล่านี้อย่างใกล้ชิด ทว่าการพยายามคาดการณ์ตลาดเงินตราอาจจะไม่มีประโยชน์อะไรเลย แม้จะเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านสกุลเงินที่มีประสบการณ์มากที่สุดก็ตาม  เมื่อเข้าถึงแหล่งเงินทุนที่ยืดหยุ่นได้ นักลงทุนก็จะตอบสนองต่อสถานการณ์ได้อย่างฉับไวและปรับพอร์ตตามการเคลื่อนไหวของเงินดอลลาร์ได้ไม่ยาก


[1] https://www.imf.org/en/Publications/WP/Issues/2020/07/17/Patterns-in-Invoicing-Currency-in-Global-Trade-49574-print-pdf.pdf

[2] https://www.economist.com/finance-and-economics/2022/09/08/why-the-dollar-is-strong-and-why-that-is-a-problem

[3] https://www.reuters.com/markets/europe/dollar-shock-threatens-global-economy-2022-09-30/

[4] https://www.morningstar.com/articles/1101202/whats-the-impact-of-the-strong-dollar-on-my-portfolio

[5] https://www.morningstar.com/articles/1101202/whats-the-impact-of-the-strong-dollar-on-my-portfolio

[6] https://www.marketwatch.com/story/feds-bostic-wants-to-pause-after-december-rate-hike-11665003566

[7] https://www.eia.gov/energyexplained/us-energy-facts/imports-and-exports.php

ข้อจำกัดความรับผิดชอบ

ผลการดำเนินงานในอดีตมิได้รับประกันผลตอบแทนในอนาคต และไม่มีการรับประกันหรือรับรองผลตอบแทนของแต่ละบุคคล

เอกสารฉบับนี้จัดทำขึ้นสำหรับนักลงทุนที่ได้รับการรับรอง นักลงทุนที่มีความเชี่ยวชาญ นักลงทุนมืออาชีพ หรือนักลงทุนที่มีคุณสมบัติตามที่กฎหมายอื่น ๆ กำหนดเท่านั้น และไม่ได้จัดทำขึ้นสำหรับและไม่ควรใช้โดยบุคคลที่มีลักษณะไม่เป็นไปตามข้อกำหนดที่เกี่ยวข้อง เนื้อหาที่ระบุไว้ในเอกสารฉบับนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ข้อมูลเท่านั้น อีกทั้งยังเป็นเนื้อหาที่มีลักษณะทั่วไปและไม่ได้จัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์หรือความต้องการทางการเงินที่เฉพาะเจาะจงใด ๆ มุมมองและความคิดเห็นที่ปรากฏในเอกสารฉบับนี้ได้จัดทำขึ้นโดยบุคคลที่ภายนอก และอาจไม่ได้สะท้อนมุมมองและความคิดเห็นของ EquitiesFirst นอกจากนี้ EquitiesFirst ไม่ได้ตรวจสอบหรือยืนยันข้อมูลที่ระบุไว้ในเอกสารฉบับนี้ด้วยตนเอง และไม่ได้รับรองว่าข้อมูลดังกล่าวถูกต้องหรือสมบูรณ์ ความคิดเห็นและข้อมูลในเอกสารฉบับนี้อาจมีการเปลี่ยนแปลงโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า เนื้อหาที่ระบุไว้ในเอกสารฉบับนี้ไม่ถือเป็นการเสนอขาย (หรือการชักชวนให้ซื้อ) หลักทรัพย์ การลงทุน หรือผลิตภัณฑ์ทางการเงินใด ๆ (“ข้อเสนอ”) ข้อเสนอใด ๆ ดังกล่าวจะต้องดำเนินการผ่านการเสนอขายที่เกี่ยวข้องหรือเอกสารอื่น ๆ ที่มีการระบุข้อกำหนดและเงื่อนไขที่เป็นสาระสำคัญไว้อย่างชัดเจนเท่านั้น ข้อมูลใด ๆ ในเอกสารฉบับนี้ไม่ถือเป็นการแนะนำ การจูงใจ การเชิญชวน การโน้มน้าว การส่งเสริมการขาย หรือเป็นข้อเสนอให้ซื้อหรือขายผลิตภัณฑ์การลงทุนใด ๆ จาก Equities First Holdings, LLC หรือบริษัทย่อยของ Equities First Holdings, LLC (เรียกรวมกันว่า ” EquitiesFirst”) และไม่ควรตีความในทางใดทางหนึ่งว่าเอกสารฉบับนี้เป็นการแนะนำด้านการลงทุน กฎหมาย หรือภาษี รวมถึงการแนะนำ การอ้างอิง หรือการรับรองจาก EquitiesFirst ท่านควรเสาะหาคำแนะนำทางการเงินด้วยตนเองก่อนตัดสินใจลงทุนในผลิตภัณฑ์ทางการเงิน

เอกสารฉบับนี้ประกอบด้วยทรัพย์สินทางปัญญาของ EquitiesFirst ในสหรัฐอเมริกาและประเทศอื่น ๆ รวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียงโลโก้ต่าง ๆ  และเครื่องหมายการค้าอื่น ๆ ทั้งที่จดทะเบียนและไม่ได้จดทะเบียน ตลอดจนเครื่องหมายบริการที่เกี่ยวข้องตามลำดับ EquitiesFirst ขอสงวนสิทธิ์ทั้งหมดในทรัพย์สินทางปัญญาที่ปรากฏในเอกสารฉบับนี้ เอกสารฉบับนี้ไม่ควรนำไปแจกจ่าย เผยแพร่ ทำซ้ำ หรือดำเนินการด้วยวิธีอื่น ๆ ที่ทำให้ผู้รับสามารถส่งต่อเนื้อหาทั้งหมดหรือบางส่วนของเอกสารฉบับนี้ไปยังผู้อื่นได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เอกสารฉบับนี้ไม่ควรนำไปแจกจ่ายให้แก่บุคคลในประเทศใด ๆ ซึ่งอาจนำไปสู่การละเมิดกฎหมายหรือระเบียบอื่นใดที่เกี่ยวข้อง

EquitiesFirst ไม่รับรองหรือรับประกันใด ๆ เกี่ยวกับเอกสารฉบับนี้ และขอปฏิเสธอย่างชัดแจ้งต่อการรับประกันโดยนัยใด ๆ ภายใต้กฎหมาย ท่านรับทราบว่า EquitiesFirst จะไม่ต้องรับผิดในทุกกรณี สำหรับความเสียหายทั้งทางตรง ทางอ้อม ที่เป็นกรณีพิเศษ ที่เป็นผลสืบเนื่อง โดยไม่เจตนา หรือที่เป็นการลงโทษ รวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียงการสูญเสียผลประโยชน์หรือการสูญเสียโอกาสใด ๆ แม้ว่า EquitiesFirst จะรับทราบถึงความเป็นไปได้ของความเสียหายดังกล่าวก็ตาม

EquitiesFirst ได้จัดทำคำแถลงการเพิ่มเติมดังต่อไปนี้ ซึ่งอาจบังคับใช้ในเขตอำนาจศาลที่ระบุไว้

ประเทศออสเตรเลีย: Equities First Holdings (Australia) Pty Ltd (หมายเลขทะเบียนบริษัท: 142 644 399) เป็นผู้ได้รับใบอนุญาตบริการทางการเงินของประเทศออสเตรเลีย (หมายเลข AFSL: 387079) สงวนลิขสิทธิ์ทั้งหมด

ข้อมูลที่ปรากฏในเอกสารฉบับนี้มีไว้สำหรับบุคคลที่อาศัยอยู่ในประเทศออสเตรเลียและจัดเป็นลูกค้าสำหรับการค้าส่ง (Wholesale Client) ตามที่ระบุในมาตรา 761G แห่งพระราชบัญญัติบริษัท ค.ศ. 2001 (Corporations Act 2001)เท่านั้นการเผยแพร่ข้อมูลให้บุคคลอื่นใดที่มีคุณสมบัติไม่เป็นไปตามเกณฑ์ที่กำหนดข้างต้นอาจมีข้อจำกัดตามกฎหมาย ทั้งนี้ บุคคลใดที่มีข้อมูลดังกล่าวในครอบครองควรเสาะหาคำแนะนำและทำความเข้าใจข้อจำกัดดังกล่าว เนื้อหาที่ปรากฏในเอกสารฉบับนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ข้อมูลเท่านั้น  และไม่ควรตีความว่าข้อมูลดังกล่าวเป็นข้อเสนอ การจูงใจ หรือคำแนะนำในการซื้อหรือขายผลิตภัณฑ์ทางการเงิน ข้อมูลที่ปรากฏในเอกสารฉบับนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ข้อมูลในลักษณะทั่วไป และไม่ใช่คำแนะนำเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ทางการเงินส่วนบุคคล คำแนะนำใด ๆ ที่ปรากฏในเอกสารฉบับนี้เป็นคำแนะนำทั่วไปเท่านั้น และจัดทำขึ้นโดยไม่ได้คำนึงถึงวัตถุประสงค์ สถานการณ์หรือความต้องการทางการเงินของผู้ลงทุน ก่อนดำเนินการเกี่ยวกับข้อมูลใด ๆ ที่ปรากฏในเอกสารฉบับนี้ ท่านควรพิจารณาถึงความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าว และลักษณะของผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่เกี่ยวข้อง โดยคำนึงถึงวัตถุประสงค์ สถานการณ์ และความต้องการทางการเงินของท่านท่านควรเสาะหาคำแนะนำทางการเงินด้วยตนเอง และอ่านคำแถลงการเกี่ยวกับการเปิดเผยข้อมูลที่เกี่ยวข้อง หรือเอกสารข้อเสนออื่น ๆ ก่อนตัดสินใจลงทุนในผลิตภัณฑ์ทางการเงิน

เขตบริหารพิเศษฮ่องกง: Equities First Holdings Hong Kong Limitedได้รับใบอนุญาตภายใต้กฎหมายผู้ให้กู้ยืมในฮ่องกง (หมายเลขใบอนุญาตผู้ให้กู้เลขที่ 1681/2023)และดำเนินธุรกิจด้านการจัดการกับหลักทรัพย์ (ใบอนุญาตประเภทที่ 1)ภายใต้กฎหมายการกำกับหลักทรัพย์และสัญญาซื้อขายล่วงหน้าของฮ่องกง (“SFO”) (หมายเลข CEเลขที่ BFJ407)เอกสารฉบับนี้ยังไม่ได้รับการตรวจสอบจากคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และสัญญาซื้อขายล่วงหน้าของฮ่องกงนอกจากนี้เอกสารฉบับนี้ไม่ได้จัดทำขึ้นเพื่อเป็นเสนอการขายหลักทรัพย์ หรือชักจูงให้ซื้อผลิตภัณฑ์ที่จัดการหรือจัดหาโดย Equities First Holdings Hong Kong Limitedแต่จัดทำขึ้นสำหรับบุคคลที่มีคุณสมบัติเป็นนักลงทุนมืออาชีพภายใต้ SFOเท่านั้นเอกสารฉบับนี้ไม่ได้ส่งถึงบุคคลหรือองค์กรที่จะทำให้ข้อเสนอหรือคำเชิญชวนดังกล่าวผิดกฎหมายหรือถูกต้องห้าม

ประเทศเกาหลี: เอกสารข้างต้นจัดทำขึ้นสำหรับนักลงทุนรายใหญ่ที่มีความเชี่ยวชาญ นักลงทุนมืออาชีพ หรือนักลงทุนที่มีคุณสมบัติเหมาะสม ซึ่งมีความรู้และประสบการณ์เพียงพอต่อการทำธุรกรรมการจัดหาเงินทุนหลักทรัพย์เป็นการเฉพาะเจาะจง และไม่ได้จัดทำขึ้นสำหรับและไม่ควรใช้โดยบุคคลที่มีลักษณะไม่ตรงตามข้อกำหนดข้างต้น

สหราชอาณาจักร: Equities First (London) Limited ได้รับการรับรองและควบคุมในสหราชอาณาจักรโดยหน่วยงานกำกับดูแลด้านการเงิน (” FCA”) ในสหราชอาณาจักร เอกสารฉบับนี้ได้แจกจ่ายให้แก่บุคคลที่มีลักษณะเป็นไปตามมาตรา 19(5) (นักลงทุนมืออาชีพ) และมาตรา 42(2) (บริษัทที่มีมูลค่าสุทธิสูง สมาคมอิสระ ฯลฯ) ในส่วนที่ 4 ของพระราชบัญญัติว่าด้วยเรื่องบริการทางการเงินและตลาด ค.ศ. 2000 (การสนับสนุนทางการเงิน) คำสั่ง ค.ศ. 2005 (“FPO”) เท่านั้น และกิจกรรมการลงทุนใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการนำเสนอนี้จะใช้ได้เฉพาะกับบุคคลดังกล่าวและมีเพียงแค่บุคคลดังกล่าวเท่านั้นที่จะสามารถมีส่วนร่วมในกิจกรรมดังกล่าวได้ บุคคลที่ไม่มีประสบการณ์ระดับมืออาชีพในการลงทุน หรือบุคคลที่มีลักษณะไม่เป็นไปตามมาตรา 49 ของ FPO ไม่ควรใช้เอกสารนี้ เอกสารฉบับนี้จัดทำขึ้นสำหรับบุคคลที่มีคุณสมบัติเป็นนักลงทุนมืออาชีพภายใต้หน่วยงานที่ให้การกำกับการให้บริการด้านการลงทุนและผลิตภัณฑ์ทางการเงินในพื้นที่ภาคพื้นยุโรป (MiFID) เท่านั้น