เงินเฟ้อ เศรษฐกิจถดถอย และการหมุนเวียนภาคธุรกิจในการลงทุน: สร้างพอร์ตการลงทุนให้ตรงกับกระแสโลก

ถึงแม้จะมีสัญญาณว่าภาวะเงินเฟ้อเริ่มชะลอตัวลงหลังจากทำสถิติสูงสุดรอบ 40 ปีไปเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา[1] แต่นักลงทุนเห็นตรงกันว่าราคาสินค้าที่พุ่งสูงขึ้นจะอยู่กับเราไปอีกระยะ ก่อนหน้านี้ไม่นาน Janet Yellen รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของสหรัฐฯ ได้ออกมายอมรับว่าเธอคิดผิดที่เคยบอกว่าเงินเฟ้อจะเกิดขึ้น “ไม่นาน”

เพราะ Yellen และนักวิเคราะห์อีกหลายรายคาดไม่ถึงว่าผลกระทบของโควิด 19 ที่เกิดขึ้นกับห่วงโซ่อุปทานจะทวีความรุนแรงมากขึ้นเพราะผลกระทบต่อเนื่องจากสงครามในยูเครนต่อราคาอาหารและพลังงาน สถานการณ์ใหม่ที่เกิดขึ้นนี้ ทำให้ธนาคารโลกต้องออกมาเตือนว่า โลกกำลังเสี่ยงต่อการเกิด “ภาวะเศรษฐกิจชะงักงันและเงินเฟ้อ” มากขึ้น โดยคำนี้ถูกนำมาใช้ตั้งแต่ยุค 1970 เพื่ออธิบายเศรษฐกิจที่มีภาวะเงินเฟ้อควบคู่ไปกับการเติบโตเป็นลบหรือซบเซา

นี่คือสถานการณ์ที่รอคอยความหวัง ดัชนีราคาจากรายจ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) หลักของสหรัฐอเมริกา ซึ่งไม่รวมราคาอาหารและพลังงานที่มีความผันผวนเพื่อให้บ่งชี้แรงกดดันต่อราคาได้ชัดเจนขึ้นซึ่งลดลงในเดือนมีนาคมและเมษายนหลังจากทำสถิติสูงสุดในเดือนกุมภาพันธ์ นักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่คาดว่าเงินเฟ้อจะไต่ระดับเพิ่มขึ้นไปอีกสักพัก และแน่นอนว่าจะต้องสูงกว่า 1.5%-2% ที่กลายเป็นตัวเลขระดับปกติในช่วงที่เกิดโรคระบาดอย่างมาก[2]

ข้อสำคัญก็คือ ปัจจัยที่ส่งผลให้เกิดแรงกดดันด้านราคาอย่างยาวนานไม่ได้มีแค่การฟื้นตัวของการบริโภคหลังจากโรคระบาดและการหยุดชะงักของห่วงโซ่อุปทานเท่านั้น เพราะยังมีปัจจัยอย่างอื่นประกอบด้วย[3] อย่างแรกคือ การผันกลับของกระแสโลกาภิวัฒน์ท่ามกลางการขึ้นอัตราภาษีและความพยายามในการกระจายความเสี่ยงให้กับห่วงโซ่อุปทาน ซึ่งทำให้สินค้านำเข้ายิ่งมีราคาแพงมากขึ้น อย่างที่สองคือจำนวนประชากรวัยทำงานในประเทศจีนที่ได้ชื่อว่าเป็นโรงงานผลิตของโลก กำลังลดลงอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2011 เนื่องจากประชากรในประเทศเข้าสู่วัยผู้สูงอายุมากขึ้น[4] ปัจจัยอย่างที่สามคือค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนมาดำเนินงานแบบปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ เนื่องจากโลกต้องการจำกัดการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ และสุดท้ายคือการขาดแคลนที่อยู่อาศัยที่กดดันให้ราคายิ่งเพิ่มสูงขึ้น

โอกาสจากเงินเฟ้อ

ปัจจัยเหล่านี้เป็นเสมือนเชื้อเพลิงให้กับภาวะเงินเฟ้อ ทำให้คาดการณ์กันว่าอัตราดอกเบี้ยก็จะปรับเพิ่มขึ้นตามไปด้วย[5] และเพิ่มความเป็นไปได้ในการเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย โดยธนาคารกลางของสหรัฐฯ มองว่าโอกาสที่จะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยในสี่ไตรมาสหน้าสูงกว่า 50% เล็กน้อย[6] นอกจากนี้ 70% ของนักเศรษฐศาสตร์ที่ตอบแบบสำรวจความคิดเห็นของ Financial Times และ the University of Chicago Booth School of Business บอกว่าจะเกิดเศรษฐกิจถดถอยภายในปี 2023[7]

ทว่าปัจจัยสนับสนุนเงินเฟ้อเหล่านี้ก็เป็นสัญญาณให้นักลงทุนปรับพอร์ตของตัวเองเพื่อรับมือกับโอกาสที่จะเกิดภาวะเศรษฐกิจขาลงมากขึ้นด้วยเช่นกัน

ตัวอย่าง เช่น การพยายามสร้างความยืดหยุ่นให้กับห่วงโซ่อุปทานและแรงงานจีนที่ลดจำนวนลง อาจเป็นโอกาสให้เวียดนามและประเทศอื่นๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เข้ามาแทนที่จีน

ซัพพลายเออร์ในภาคธุรกิจการรักษาพยาบาล รวมถึงเทคโนโลยีที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพแรงงาน ก็ได้ประโยชน์จากเทรนด์ประชากรสูงอายุเช่นกัน และถึงแม้ว่าหุ้นพลังงานแบบดั้งเดิมอาจจะให้ผลตอบแทนค่อนข้างดีในปีที่ผ่านมา สวนทางกับหุ้นพลังงานสะอาดและหุ้นเติบโตในภาพรวม แต่นี่อาจจะเปิดโอกาสให้การลงทุนในพลังงานหมุนเวียนกลับมาอยู่ในกระแสอีกครั้ง เนื่องจากมีการกลับมาให้ความสำคัญกับการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ

ภาคธุรกิจอื่นๆ ที่เดิมถูกมองว่ารับมือกับภาวะเงินเฟ้อได้ดี ได้แก่ บริษัทสาธารณูปโภคที่จ่ายเงินปันผลสม่ำเสมอ รวมถึงสินค้าอุปโภคบริโภค ร้านค้าปลีกขนาดใหญ่ และบริษัทโลจิสติกส์ที่ให้บริการธุรกิจดังกล่าว ส่วนธนาคาร ผู้ให้สินเชื่อที่พักอาศัย และบริษัทประกันเองก็ได้กำไรจากการขึ้นอัตราดอกเบี้ยเช่นกัน
นอกจากนี้ นักลงทุนยังอาจจะอยากลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ของเอกชนมากขึ้น โดยคาดการณ์ว่าความต้องการใช้อาคารในระยะยาวจะเป็นหลักประกันให้กับเงินเฟ้อได้ แต่ต้องคำนึงด้วยว่า ต้นทุนในการขอสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์อาจจะแพงขึ้น และมีความเป็นไปได้มากขึ้นที่ตลาดจะปรับฐานราคาบ้านพักอาศัย

มองไกลและมองกว้างมากขึ้น

นอกจากนี้ นักลงทุนสามารถใช้โอกาสนี้พิจารณากระจายความเสี่ยงไปยังภูมิภาคต่างๆ ได้ ข้อสังเกตคือ เศรษฐกิจของสหรัฐฯ มุ่งไปทางไหน ที่อื่นๆ ส่วนใหญ่ในโลกก็มักจะตามไปด้วย ซึ่งธนาคารโลกได้ปรับตัวเลขการเติบโตคาดการณ์โดยคำนึงถึงข้อนี้ อย่างไรก็ตาม มีการคาดว่าเศรษฐกิจในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เอเชียใต้ ตะวันออกกลาง และแอฟริกาเหนือจะยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่งในปี 2022 และ 2023[8]

ไม่ว่าสถานะของนักลงทุนในตอนนี้จะเป็นอย่างไร แต่การมองในระยะยาวโดยยังคงลงทุนสม่ำเสมอท่ามกลางตลาดขาลง แทนที่จะเทขายแล้วค่อยกลับมายังตลาดอีกครั้งในภายหลัง วิธีนี้มักจะสร้างผลตอบแทนได้อย่างน่าพอใจ[9]

สินเชื่อแบบใช้หลักทรัพย์ค้ำประกันเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพและคุ้มค่าอย่างยิ่งสำหรับนักลงทุนที่ต้องการกระจายความเสี่ยงในการลงทุนท่ามกลางสภาพตลาดที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม โดยที่ยังคงได้รับผลประโยชน์ในอนาคตของหุ้นที่ถืออยู่เดิม นอกจากนี้ การกู้ยืมที่มีค่าใช้จ่ายต่ำและคงที่ก็เป็นกลยุทธ์ที่น่าสนใจไม่น้อยในภาวะเงินเฟ้อ เนื่องจากมูลค่าภาระหนี้ของผู้กู้ยืมตามมูลค่าที่แท้จริง ณ ราคาปัจจุบันจะลดลง

ภาวะเงินเฟ้อในปัจจุบัน รวมถึงการคาดการณ์เกี่ยวกับเศรษฐกิจถดถอยแน่นอนว่าเป็นปัจจัยที่ทำให้ความเสี่ยงเพิ่มสูงขึ้น แต่ในภาวะที่สินทรัพย์ราคาต่ำกว่าปกติแบบนี้ นักลงทุนที่มีไหวพริบจะค้นหาสินทรัพย์ที่ต่ำกว่ามูลค่าได้อย่างแน่นอน ไม่ว่าจะในตลาดหุ้นหรือตลาดอื่นๆ ซึ่งสินเชื่อแบบใช้หลักทรัพย์ค้ำประกันจะช่วยให้นักลงทุนที่มีประสบการณ์สูงสร้างผลตอบแทนจากโอกาสเหล่านี้ได้


[1] https://www.reuters.com/markets/us/us-faces-unacceptable-levels-inflation-yellen-tells-senators-2022-06-07/

[2] https://www.bloomberg.com/news/articles/2022-05-13/age-of-inflation-in-us-will-last-much-longer-than-pandemic-spike

[3] https://www.bloomberg.com/news/articles/2022-05-13/age-of-inflation-in-us-will-last-much-longer-than-pandemic-spike

[4] https://www.chinadaily.com.cn/china/2016-11/21/content_27444998.htm

[5] https://www.reuters.com/markets/us/fed-seen-raising-us-interest-rates-further-battle-hot-inflation-2022-06-10/

[6] https://www.wsj.com/articles/fed-paper-finds-elevated-probability-of-recession-11655900645

[7] https://www.ft.com/content/1bd49ace-b741-455a-8499-a91828d7ad5c

[8] https://www.worldbank.org/en/news/press-release/2022/06/07/stagflation-risk-rises-amid-sharp-slowdown-in-growth-energy-markets

[9] https://www.morganstanley.com/articles/top-5-investor-mistakes

ข้อจำกัดความรับผิดชอบ

ผลการดำเนินงานในอดีตมิได้รับประกันผลตอบแทนในอนาคต และไม่มีการรับประกันหรือรับรองผลตอบแทนของแต่ละบุคคล

เอกสารฉบับนี้จัดทำขึ้นสำหรับนักลงทุนที่ได้รับการรับรอง นักลงทุนที่มีความเชี่ยวชาญ นักลงทุนมืออาชีพ หรือนักลงทุนที่มีคุณสมบัติตามที่กฎหมายอื่น ๆ กำหนดเท่านั้น และไม่ได้จัดทำขึ้นสำหรับและไม่ควรใช้โดยบุคคลที่มีลักษณะไม่เป็นไปตามข้อกำหนดที่เกี่ยวข้อง เนื้อหาที่ระบุไว้ในเอกสารฉบับนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ข้อมูลเท่านั้น อีกทั้งยังเป็นเนื้อหาที่มีลักษณะทั่วไปและไม่ได้จัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์หรือความต้องการทางการเงินที่เฉพาะเจาะจงใด ๆ มุมมองและความคิดเห็นที่ปรากฏในเอกสารฉบับนี้ได้จัดทำขึ้นโดยบุคคลที่ภายนอก และอาจไม่ได้สะท้อนมุมมองและความคิดเห็นของ EquitiesFirst นอกจากนี้ EquitiesFirst ไม่ได้ตรวจสอบหรือยืนยันข้อมูลที่ระบุไว้ในเอกสารฉบับนี้ด้วยตนเอง และไม่ได้รับรองว่าข้อมูลดังกล่าวถูกต้องหรือสมบูรณ์ ความคิดเห็นและข้อมูลในเอกสารฉบับนี้อาจมีการเปลี่ยนแปลงโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า เนื้อหาที่ระบุไว้ในเอกสารฉบับนี้ไม่ถือเป็นการเสนอขาย (หรือการชักชวนให้ซื้อ) หลักทรัพย์ การลงทุน หรือผลิตภัณฑ์ทางการเงินใด ๆ (“ข้อเสนอ”) ข้อเสนอใด ๆ ดังกล่าวจะต้องดำเนินการผ่านการเสนอขายที่เกี่ยวข้องหรือเอกสารอื่น ๆ ที่มีการระบุข้อกำหนดและเงื่อนไขที่เป็นสาระสำคัญไว้อย่างชัดเจนเท่านั้น ข้อมูลใด ๆ ในเอกสารฉบับนี้ไม่ถือเป็นการแนะนำ การจูงใจ การเชิญชวน การโน้มน้าว การส่งเสริมการขาย หรือเป็นข้อเสนอให้ซื้อหรือขายผลิตภัณฑ์การลงทุนใด ๆ จาก Equities First Holdings, LLC หรือบริษัทย่อยของ Equities First Holdings, LLC (เรียกรวมกันว่า ” EquitiesFirst”) และไม่ควรตีความในทางใดทางหนึ่งว่าเอกสารฉบับนี้เป็นการแนะนำด้านการลงทุน กฎหมาย หรือภาษี รวมถึงการแนะนำ การอ้างอิง หรือการรับรองจาก EquitiesFirst ท่านควรเสาะหาคำแนะนำทางการเงินด้วยตนเองก่อนตัดสินใจลงทุนในผลิตภัณฑ์ทางการเงิน

เอกสารฉบับนี้ประกอบด้วยทรัพย์สินทางปัญญาของ EquitiesFirst ในสหรัฐอเมริกาและประเทศอื่น ๆ รวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียงโลโก้ต่าง ๆ  และเครื่องหมายการค้าอื่น ๆ ทั้งที่จดทะเบียนและไม่ได้จดทะเบียน ตลอดจนเครื่องหมายบริการที่เกี่ยวข้องตามลำดับ EquitiesFirst ขอสงวนสิทธิ์ทั้งหมดในทรัพย์สินทางปัญญาที่ปรากฏในเอกสารฉบับนี้ เอกสารฉบับนี้ไม่ควรนำไปแจกจ่าย เผยแพร่ ทำซ้ำ หรือดำเนินการด้วยวิธีอื่น ๆ ที่ทำให้ผู้รับสามารถส่งต่อเนื้อหาทั้งหมดหรือบางส่วนของเอกสารฉบับนี้ไปยังผู้อื่นได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เอกสารฉบับนี้ไม่ควรนำไปแจกจ่ายให้แก่บุคคลในประเทศใด ๆ ซึ่งอาจนำไปสู่การละเมิดกฎหมายหรือระเบียบอื่นใดที่เกี่ยวข้อง

EquitiesFirst ไม่รับรองหรือรับประกันใด ๆ เกี่ยวกับเอกสารฉบับนี้ และขอปฏิเสธอย่างชัดแจ้งต่อการรับประกันโดยนัยใด ๆ ภายใต้กฎหมาย ท่านรับทราบว่า EquitiesFirst จะไม่ต้องรับผิดในทุกกรณี สำหรับความเสียหายทั้งทางตรง ทางอ้อม ที่เป็นกรณีพิเศษ ที่เป็นผลสืบเนื่อง โดยไม่เจตนา หรือที่เป็นการลงโทษ รวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียงการสูญเสียผลประโยชน์หรือการสูญเสียโอกาสใด ๆ แม้ว่า EquitiesFirst จะรับทราบถึงความเป็นไปได้ของความเสียหายดังกล่าวก็ตาม

EquitiesFirst ได้จัดทำคำแถลงการเพิ่มเติมดังต่อไปนี้ ซึ่งอาจบังคับใช้ในเขตอำนาจศาลที่ระบุไว้

ประเทศออสเตรเลีย: Equities First Holdings (Australia) Pty Ltd (หมายเลขทะเบียนบริษัท: 142 644 399) เป็นผู้ได้รับใบอนุญาตบริการทางการเงินของประเทศออสเตรเลีย (หมายเลข AFSL: 387079) สงวนลิขสิทธิ์ทั้งหมด

ข้อมูลที่ปรากฏในเอกสารฉบับนี้มีไว้สำหรับบุคคลที่อาศัยอยู่ในประเทศออสเตรเลียและจัดเป็นลูกค้าสำหรับการค้าส่ง (Wholesale Client) ตามที่ระบุในมาตรา 761G แห่งพระราชบัญญัติบริษัท ค.ศ. 2001 (Corporations Act 2001)เท่านั้นการเผยแพร่ข้อมูลให้บุคคลอื่นใดที่มีคุณสมบัติไม่เป็นไปตามเกณฑ์ที่กำหนดข้างต้นอาจมีข้อจำกัดตามกฎหมาย ทั้งนี้ บุคคลใดที่มีข้อมูลดังกล่าวในครอบครองควรเสาะหาคำแนะนำและทำความเข้าใจข้อจำกัดดังกล่าว เนื้อหาที่ปรากฏในเอกสารฉบับนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ข้อมูลเท่านั้น  และไม่ควรตีความว่าข้อมูลดังกล่าวเป็นข้อเสนอ การจูงใจ หรือคำแนะนำในการซื้อหรือขายผลิตภัณฑ์ทางการเงิน ข้อมูลที่ปรากฏในเอกสารฉบับนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ข้อมูลในลักษณะทั่วไป และไม่ใช่คำแนะนำเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ทางการเงินส่วนบุคคล คำแนะนำใด ๆ ที่ปรากฏในเอกสารฉบับนี้เป็นคำแนะนำทั่วไปเท่านั้น และจัดทำขึ้นโดยไม่ได้คำนึงถึงวัตถุประสงค์ สถานการณ์หรือความต้องการทางการเงินของผู้ลงทุน ก่อนดำเนินการเกี่ยวกับข้อมูลใด ๆ ที่ปรากฏในเอกสารฉบับนี้ ท่านควรพิจารณาถึงความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าว และลักษณะของผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่เกี่ยวข้อง โดยคำนึงถึงวัตถุประสงค์ สถานการณ์ และความต้องการทางการเงินของท่านท่านควรเสาะหาคำแนะนำทางการเงินด้วยตนเอง และอ่านคำแถลงการเกี่ยวกับการเปิดเผยข้อมูลที่เกี่ยวข้อง หรือเอกสารข้อเสนออื่น ๆ ก่อนตัดสินใจลงทุนในผลิตภัณฑ์ทางการเงิน

เขตบริหารพิเศษฮ่องกง: Equities First Holdings Hong Kong Limitedได้รับใบอนุญาตภายใต้กฎหมายผู้ให้กู้ยืมในฮ่องกง (หมายเลขใบอนุญาตผู้ให้กู้เลขที่ 1681/2023)และดำเนินธุรกิจด้านการจัดการกับหลักทรัพย์ (ใบอนุญาตประเภทที่ 1)ภายใต้กฎหมายการกำกับหลักทรัพย์และสัญญาซื้อขายล่วงหน้าของฮ่องกง (“SFO”) (หมายเลข CEเลขที่ BFJ407)เอกสารฉบับนี้ยังไม่ได้รับการตรวจสอบจากคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และสัญญาซื้อขายล่วงหน้าของฮ่องกงนอกจากนี้เอกสารฉบับนี้ไม่ได้จัดทำขึ้นเพื่อเป็นเสนอการขายหลักทรัพย์ หรือชักจูงให้ซื้อผลิตภัณฑ์ที่จัดการหรือจัดหาโดย Equities First Holdings Hong Kong Limitedแต่จัดทำขึ้นสำหรับบุคคลที่มีคุณสมบัติเป็นนักลงทุนมืออาชีพภายใต้ SFOเท่านั้นเอกสารฉบับนี้ไม่ได้ส่งถึงบุคคลหรือองค์กรที่จะทำให้ข้อเสนอหรือคำเชิญชวนดังกล่าวผิดกฎหมายหรือถูกต้องห้าม

ประเทศเกาหลี: เอกสารข้างต้นจัดทำขึ้นสำหรับนักลงทุนรายใหญ่ที่มีความเชี่ยวชาญ นักลงทุนมืออาชีพ หรือนักลงทุนที่มีคุณสมบัติเหมาะสม ซึ่งมีความรู้และประสบการณ์เพียงพอต่อการทำธุรกรรมการจัดหาเงินทุนหลักทรัพย์เป็นการเฉพาะเจาะจง และไม่ได้จัดทำขึ้นสำหรับและไม่ควรใช้โดยบุคคลที่มีลักษณะไม่ตรงตามข้อกำหนดข้างต้น

สหราชอาณาจักร: Equities First (London) Limited ได้รับการรับรองและควบคุมในสหราชอาณาจักรโดยหน่วยงานกำกับดูแลด้านการเงิน (” FCA”) ในสหราชอาณาจักร เอกสารฉบับนี้ได้แจกจ่ายให้แก่บุคคลที่มีลักษณะเป็นไปตามมาตรา 19(5) (นักลงทุนมืออาชีพ) และมาตรา 42(2) (บริษัทที่มีมูลค่าสุทธิสูง สมาคมอิสระ ฯลฯ) ในส่วนที่ 4 ของพระราชบัญญัติว่าด้วยเรื่องบริการทางการเงินและตลาด ค.ศ. 2000 (การสนับสนุนทางการเงิน) คำสั่ง ค.ศ. 2005 (“FPO”) เท่านั้น และกิจกรรมการลงทุนใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการนำเสนอนี้จะใช้ได้เฉพาะกับบุคคลดังกล่าวและมีเพียงแค่บุคคลดังกล่าวเท่านั้นที่จะสามารถมีส่วนร่วมในกิจกรรมดังกล่าวได้ บุคคลที่ไม่มีประสบการณ์ระดับมืออาชีพในการลงทุน หรือบุคคลที่มีลักษณะไม่เป็นไปตามมาตรา 49 ของ FPO ไม่ควรใช้เอกสารนี้ เอกสารฉบับนี้จัดทำขึ้นสำหรับบุคคลที่มีคุณสมบัติเป็นนักลงทุนมืออาชีพภายใต้หน่วยงานที่ให้การกำกับการให้บริการด้านการลงทุนและผลิตภัณฑ์ทางการเงินในพื้นที่ภาคพื้นยุโรป (MiFID) เท่านั้น