เข้าถึงสภาพคล่องเพื่อรับมือกับดอลลาร์สหรัฐ

ถ้าทุกอย่างเป็นไปตามคาด การขึ้นอัตราดอกเบี้ยจะทำให้สกุลเงินต่างๆ ได้รับความสนใจจากนักลงทุนมากขึ้น และนั่นจะทำให้อัตราแลกเปลี่ยนเพิ่มขึ้นตามไปด้วย สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นในปี 2022 และส่งผลให้เงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าทำลายสถิติในรอบหลายปีเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักสกุลอื่น นอกจากนี้แล้ว ดอลลาร์สหรัฐยังได้รับอานิสงส์จากการที่ตัวเองเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยในยามที่ทั่วโลกต้องเผชิญกับภาวะเงินเฟ้อและความตึงเครียดทางภูมิศาสตร์การเมือง รวมถึงเมื่อประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่ดูเหมือนว่าจะกำลังจะเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย

ความจริงแล้ว สถานการณ์ในปัจจุบันของเงินดอลลาร์สหรัฐมีจุดเริ่มต้นที่ไม่ค่อยน่าพิศมัยเท่าไรนัก เพราะเงินดอลลาร์อ่อนค่ามากที่สุดในรอบกว่า 5 ปีเมื่อเดือนพฤษภาคม 2021 ในตอนที่ตลาดยังเชื่อว่าธนาคารกลางของสหรัฐฯ (เฟด) จะคงอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงไว้ใกล้ศูนย์ในอนาคตอันใกล้

แต่เมื่อเงินเฟ้อสูงขึ้น จึงมีการคาดการณ์กันมากขึ้น ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ซึ่งในที่สุดสิ่งนี้ก็เกิดขึ้นภายในเวลาไม่นาน โดยเริ่มตั้งแต่เดือนธันวาคม 2021 เป็นต้นมา ซึ่งหลังจากนั้นเงินดอลลาร์ก็แข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่องจนทำสถิติสูงสุดในรอบ 20 ปีเมื่อเทียบกับเงินยูโร เงินเยน และเงินปอนด์สเตอร์ลิงในปีนี้

การแข็งค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจโลกซบเซาเป็นสิ่งที่ทำให้เห็นได้ชัดเจนว่า เงินดอลลาร์สหรัฐยังเป็นสกุลเงินสำรองหลักของโลก  อีกทั้งยังแสดงว่าการตัดสินใจทางนโยบายของเฟดมีผลสะท้อนต่อเนื่องไปทั่วโลกได้มากขนาดไหน ปัจจุบัน ความตั้งใจของเฟดที่ต้องการชะลอภาวะเงินเฟ้อภายในประเทศสร้างความปั่นป่วนทั่วโลก รวมทั้งส่งผลเสียต่อการส่งออกของสหรัฐอเมริกา และทำให้บริษัทของสหรัฐที่มีรายได้เป็นเงินดอลลาร์สหรัฐได้รับกำไรน้อยลง

ซึ่งนี่คือแรงกดดันที่เงินดอลลาร์จะต้องแบกรับในฐานะพี่ใหญ่ของตลาดเงิน

ความแข็งแกร่งของเงินดอลลาร์มาจากการเป็นสกุลเงินสำรองของโลกและหน่วยแลกเปลี่ยนของสินค้าโภคภัณฑ์ระดับโลกส่วนใหญ่ รวมไปถึงการเป็นเจ้าตลาดการค้าโลก ผลการศึกษาของกองทุนการเงินระหว่างประเทศพบว่า ประมาณ 40% ของข้อตกลงการค้าทั่วโลกมีหน่วยเป็นเงินดอลลาร์สหรัฐ[1]

ราคาสินค้าโภคภัณฑ์กลุ่มพลังงานและอาหารก็มีราคาพุ่งขึ้นอย่างมากในปีนี้ โดยเป็นผลมาจากการขาดแคลนอุปทานที่ยิ่งเลวร้ายลงและกินเวลานานขึ้นอันเนื่องมาจากสงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครน อย่างไรก็ตาม ประเทศที่สกุลเงินเงินอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์ต้องเผชิญความเสียหายยิ่งกว่า อีกทั้งยังต้องพยายามหาเงินมาชำระหนี้บอลลูนเป็นเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐด้วย

สำหรับประเทศเศรษฐกิจใหม่หลายประเทศ การกู้เงินดอลลาร์มีต้นทุนสูงขึ้นและหักล้างกับความได้เปรียบในการส่งออกที่เกิดจากการมีสกุลเงินอ่อนค่ากว่าไปจนหมด[2]
ส่วนผู้ส่งออกในประเทศพัฒนาแล้วหลายประเทศก็ไม่อาจสร้างความได้เปรียบด้านการแข่งขันได้อย่างเต็มที่จากอัตราแลกเปลี่ยนที่ส่งผลดีกับตนเองเนื่องจากปริมาณผลผลิตได้รับผลกระทบจากการขาดแคลนพลังงาน

ค่าเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักการค้าของเงินดอลลาร์สูงขึ้นต่อเนื่องในปีนี้

Accessing liquidity to cope with King Dollar
ที่มา:Bloomberg

ที่มาของรูป: https://www.bloomberg.com/opinion/articles/2022-09-15/us-interest-rates-are-becoming-weapons-of-mass-economic-destruction#xj4y7vzkg

สรุปสั้นๆ ก็คือ นอกเหนือจากนักเดินทางชาวอเมริกันที่สามารถไปเที่ยวต่างประเทศด้วยค่าใช้จ่ายถูกลงแล้ว ผู้ที่ได้ประโยชน์จากการที่สกุลเงินดอลลาร์แข็งค่าหรือการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนั้นมีเพียงไม่กี่กลุ่มเท่านั้น อัตราดอกเบี้ยสหรัฐฯ ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วง 40 ปีที่ผ่านมา และเป็นหนึ่งในปัจจัยหลักที่ทำให้เกิดความไม่เสถียรทางการเงินระหว่างประเทศ และในปัจจุบันถูกมองว่าเป็นภัยคุกคามหลักของเศรษฐกิจโลก เนื่องจากธนาคารของประเทศอื่นๆ จำต้องปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยของตัวเองตามไปด้วยเพื่อปกป้องสกุลเงินของประเทศ[3]

คำถามคือแล้วนักลงทุนจะรับมืออย่างไร

การป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนหรือการลงทุนในกองทุนที่มีการป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนอย่างต่อเนื่องเป็นกลยุทธ์หนึ่งที่ช่วยลดความผันผวนได้เป็นอย่างดี ถึงแม้ว่าอาจจะไม่ใช่แนวทางที่จะทำให้ได้รับผลตอบแทนชนะตลาดก็ตาม

บางคนชี้ว่าเงินดอลลาร์อาจจะปรับตัวสูงกว่าเป้าหมาย เปิดโอกาสให้เข้าซื้อเพื่อถือข้ามประเทศ แต่อาจจะต้องคำนึงถึงความเสี่ยงของภาระชำระหนี้เป็นเงินสกุลเงินดอลลาร์ที่เพิ่มขึ้นด้วย[4] นอกจากนี้ มูลค่ายังเป็นตัวชี้วัดสำคัญที่ต้องพิจารณา เพราะปัจจุบันหุ้นคุณค่ามีมูลค่าสูงกว่ารอบการลงทุนครั้งไหนๆ ตั้งแต่ปี 1990 เป็นต้นมา[5]

การนำกลยุทธ์เหล่านี้มาใช้จึงมีความท้าทายมากขึ้นท่ามกลางสภาพคล่องที่ตึงตัว สินเชื่อแบบใช้หลักทรัพย์ค้ำประกันเป็นทางออกที่น่าสนใจหากต้องการสร้างสภาพคล่องในยามที่เงินทุนขาดมือ และเป็นแหล่งเงินทุนให้นักลงทุนนำไปลงทุนในภูมิภาคและภาคธุรกิจอื่นๆ เพื่อกระจายความเสี่ยงหรือป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน โดยที่ไม่ต้องเสียโอกาสในการรับผลกำไรจากหลักทรัพย์ที่ตนเองถืออยู่ เพราะยังคงถือครองหลักทรัพย์เหล่านั้นต่อไปได้แล้วค่อยขายหลังจากสภาพคล่องในตลาดฟื้นตัว

แล้วเงินดอลลาร์จะอ่อนค่าลงเมื่อไหร่

ดอลลาร์น่าจะอ่อนค่าลงเมื่อเงินเฟ้อสหรัฐฯ กลับมาอยู่ภายใต้การควบคุมและมีการผ่อนคลายนโยบายการขึ้นอัตราดอกเบี้ยลง ซึ่งเป็นสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้นอย่างน้อยก็จนกว่าจะสิ้นปี 2022 Raphael Bostic ประธานเฟดสาขาแอตแลนตาชี้ว่าอาจจะหยุดพักการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยชั่วคราวหลังจากอัตราดอกเบี้ยนโยบายปรับเพิ่มขึ้นมาอยู่ระหว่าง 4% ถึง 4.5% ในเดือนธันวาคม[6] ภาวะเงินเฟ้อ การจ้างงาน และกิจกรรมทางธุรกิจในสหรัฐฯ ล้วนแต่แข็งแกร่งกว่าประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่ในยุโรปและเอเชีย ซึ่งช่องว่างดังกล่าวจะต้องแคบลงเพื่อให้เงินดอลลาร์อ่อนค่าลง และเนื่องจากสหรัฐฯ ถือเป็นผู้ส่งออกพลังงานเมื่อพิจารณาจากมูลค่าการส่งออกและนำเข้าสุทธิ ดังนั้น หากราคาพลังงานโลกลดลงก็อาจทำให้ค่าเงินของสหรัฐฯ อ่อนค่าลงเช่นกัน[7]

นักลงทุนจะต้องเฝ้าจับตาสัญญาณเหล่านี้อย่างใกล้ชิด ทว่าการพยายามคาดการณ์ตลาดเงินตราอาจจะไม่มีประโยชน์อะไรเลย แม้จะเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านสกุลเงินที่มีประสบการณ์มากที่สุดก็ตาม  เมื่อเข้าถึงแหล่งเงินทุนที่ยืดหยุ่นได้ นักลงทุนก็จะตอบสนองต่อสถานการณ์ได้อย่างฉับไวและปรับพอร์ตตามการเคลื่อนไหวของเงินดอลลาร์ได้ไม่ยาก


[1] https://www.imf.org/en/Publications/WP/Issues/2020/07/17/Patterns-in-Invoicing-Currency-in-Global-Trade-49574-print-pdf.pdf

[2] https://www.economist.com/finance-and-economics/2022/09/08/why-the-dollar-is-strong-and-why-that-is-a-problem

[3] https://www.reuters.com/markets/europe/dollar-shock-threatens-global-economy-2022-09-30/

[4] https://www.morningstar.com/articles/1101202/whats-the-impact-of-the-strong-dollar-on-my-portfolio

[5] https://www.morningstar.com/articles/1101202/whats-the-impact-of-the-strong-dollar-on-my-portfolio

[6] https://www.marketwatch.com/story/feds-bostic-wants-to-pause-after-december-rate-hike-11665003566

[7] https://www.eia.gov/energyexplained/us-energy-facts/imports-and-exports.php

ข้อจำกัดความรับผิดชอบ

ผลการดำเนินงานในอดีตมิได้รับประกันผลตอบแทนในอนาคต และไม่มีการรับประกันหรือรับรองผลตอบแทนของแต่ละบุคคล

เอกสารฉบับนี้จัดทำขึ้นสำหรับนักลงทุนที่ได้รับการรับรอง นักลงทุนที่มีความเชี่ยวชาญ นักลงทุนมืออาชีพ หรือนักลงทุนที่มีคุณสมบัติตามที่กฎหมายอื่น ๆ กำหนดเท่านั้น และไม่ได้จัดทำขึ้นสำหรับและไม่ควรใช้โดยบุคคลที่มีลักษณะไม่เป็นไปตามข้อกำหนดที่เกี่ยวข้อง เนื้อหาที่ระบุไว้ในเอกสารฉบับนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ข้อมูลเท่านั้น อีกทั้งยังเป็นเนื้อหาที่มีลักษณะทั่วไปและไม่ได้จัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์หรือความต้องการทางการเงินที่เฉพาะเจาะจงใด ๆ มุมมองและความคิดเห็นที่ปรากฏในเอกสารฉบับนี้ได้จัดทำขึ้นโดยบุคคลที่ภายนอก และอาจไม่ได้สะท้อนมุมมองและความคิดเห็นของ EquitiesFirst นอกจากนี้ EquitiesFirst ไม่ได้ตรวจสอบหรือยืนยันข้อมูลที่ระบุไว้ในเอกสารฉบับนี้ด้วยตนเอง และไม่ได้รับรองว่าข้อมูลดังกล่าวถูกต้องหรือสมบูรณ์ ความคิดเห็นและข้อมูลในเอกสารฉบับนี้อาจมีการเปลี่ยนแปลงโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า เนื้อหาที่ระบุไว้ในเอกสารฉบับนี้ไม่ถือเป็นการเสนอขาย (หรือการชักชวนให้ซื้อ) หลักทรัพย์ การลงทุน หรือผลิตภัณฑ์ทางการเงินใด ๆ (“ข้อเสนอ”) ข้อเสนอใด ๆ ดังกล่าวจะต้องดำเนินการผ่านการเสนอขายที่เกี่ยวข้องหรือเอกสารอื่น ๆ ที่มีการระบุข้อกำหนดและเงื่อนไขที่เป็นสาระสำคัญไว้อย่างชัดเจนเท่านั้น ข้อมูลใด ๆ ในเอกสารฉบับนี้ไม่ถือเป็นการแนะนำ การจูงใจ การเชิญชวน การโน้มน้าว การส่งเสริมการขาย หรือเป็นข้อเสนอให้ซื้อหรือขายผลิตภัณฑ์การลงทุนใด ๆ จาก Equities First Holdings, LLC หรือบริษัทย่อยของ Equities First Holdings, LLC (เรียกรวมกันว่า ” EquitiesFirst”) และไม่ควรตีความในทางใดทางหนึ่งว่าเอกสารฉบับนี้เป็นการแนะนำด้านการลงทุน กฎหมาย หรือภาษี รวมถึงการแนะนำ การอ้างอิง หรือการรับรองจาก EquitiesFirst ท่านควรเสาะหาคำแนะนำทางการเงินด้วยตนเองก่อนตัดสินใจลงทุนในผลิตภัณฑ์ทางการเงิน

เอกสารฉบับนี้ประกอบด้วยทรัพย์สินทางปัญญาของ EquitiesFirst ในสหรัฐอเมริกาและประเทศอื่น ๆ รวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียงโลโก้ต่าง ๆ  และเครื่องหมายการค้าอื่น ๆ ทั้งที่จดทะเบียนและไม่ได้จดทะเบียน ตลอดจนเครื่องหมายบริการที่เกี่ยวข้องตามลำดับ EquitiesFirst ขอสงวนสิทธิ์ทั้งหมดในทรัพย์สินทางปัญญาที่ปรากฏในเอกสารฉบับนี้ เอกสารฉบับนี้ไม่ควรนำไปแจกจ่าย เผยแพร่ ทำซ้ำ หรือดำเนินการด้วยวิธีอื่น ๆ ที่ทำให้ผู้รับสามารถส่งต่อเนื้อหาทั้งหมดหรือบางส่วนของเอกสารฉบับนี้ไปยังผู้อื่นได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เอกสารฉบับนี้ไม่ควรนำไปแจกจ่ายให้แก่บุคคลในประเทศใด ๆ ซึ่งอาจนำไปสู่การละเมิดกฎหมายหรือระเบียบอื่นใดที่เกี่ยวข้อง

EquitiesFirst ไม่รับรองหรือรับประกันใด ๆ เกี่ยวกับเอกสารฉบับนี้ และขอปฏิเสธอย่างชัดแจ้งต่อการรับประกันโดยนัยใด ๆ ภายใต้กฎหมาย ท่านรับทราบว่า EquitiesFirst จะไม่ต้องรับผิดในทุกกรณี สำหรับความเสียหายทั้งทางตรง ทางอ้อม ที่เป็นกรณีพิเศษ ที่เป็นผลสืบเนื่อง โดยไม่เจตนา หรือที่เป็นการลงโทษ รวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียงการสูญเสียผลประโยชน์หรือการสูญเสียโอกาสใด ๆ แม้ว่า EquitiesFirst จะรับทราบถึงความเป็นไปได้ของความเสียหายดังกล่าวก็ตาม

EquitiesFirst ได้จัดทำคำแถลงการเพิ่มเติมดังต่อไปนี้ ซึ่งอาจบังคับใช้ในเขตอำนาจศาลที่ระบุไว้

ประเทศออสเตรเลีย: Equities First Holdings (Australia) Pty Ltd (หมายเลขทะเบียนบริษัท: 142 644 399) เป็นผู้ได้รับใบอนุญาตบริการทางการเงินของประเทศออสเตรเลีย (หมายเลข AFSL: 387079) สงวนลิขสิทธิ์ทั้งหมด

ข้อมูลที่ปรากฏในเอกสารฉบับนี้มีไว้สำหรับบุคคลที่อาศัยอยู่ในประเทศออสเตรเลียและจัดเป็นลูกค้าสำหรับการค้าส่ง (Wholesale Client) ตามที่ระบุในมาตรา 761G แห่งพระราชบัญญัติบริษัท ค.ศ. 2001 (Corporations Act 2001)เท่านั้นการเผยแพร่ข้อมูลให้บุคคลอื่นใดที่มีคุณสมบัติไม่เป็นไปตามเกณฑ์ที่กำหนดข้างต้นอาจมีข้อจำกัดตามกฎหมาย ทั้งนี้ บุคคลใดที่มีข้อมูลดังกล่าวในครอบครองควรเสาะหาคำแนะนำและทำความเข้าใจข้อจำกัดดังกล่าว เนื้อหาที่ปรากฏในเอกสารฉบับนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ข้อมูลเท่านั้น  และไม่ควรตีความว่าข้อมูลดังกล่าวเป็นข้อเสนอ การจูงใจ หรือคำแนะนำในการซื้อหรือขายผลิตภัณฑ์ทางการเงิน ข้อมูลที่ปรากฏในเอกสารฉบับนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ข้อมูลในลักษณะทั่วไป และไม่ใช่คำแนะนำเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ทางการเงินส่วนบุคคล คำแนะนำใด ๆ ที่ปรากฏในเอกสารฉบับนี้เป็นคำแนะนำทั่วไปเท่านั้น และจัดทำขึ้นโดยไม่ได้คำนึงถึงวัตถุประสงค์ สถานการณ์หรือความต้องการทางการเงินของผู้ลงทุน ก่อนดำเนินการเกี่ยวกับข้อมูลใด ๆ ที่ปรากฏในเอกสารฉบับนี้ ท่านควรพิจารณาถึงความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าว และลักษณะของผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่เกี่ยวข้อง โดยคำนึงถึงวัตถุประสงค์ สถานการณ์ และความต้องการทางการเงินของท่านท่านควรเสาะหาคำแนะนำทางการเงินด้วยตนเอง และอ่านคำแถลงการเกี่ยวกับการเปิดเผยข้อมูลที่เกี่ยวข้อง หรือเอกสารข้อเสนออื่น ๆ ก่อนตัดสินใจลงทุนในผลิตภัณฑ์ทางการเงิน

ดูไบ: Equities First Holdings Hong Kong Ltd (สำนักงานตัวแทน DIFC) ตั้งอยู่ที่ Gate Precinct Building 4, 6th Floor, Office 7, Dubai International Financial Centre (เลขทะเบียนพาณิชย์ CL7354) อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ Dubai Financial Services Authority (“DFSA”) ในฐานะสำนักงานตัวแทน (เลขที่อ้างอิงบริษัทของ DFSA: F008752) สงวนลิขสิทธิ์ ข้อมูลที่รวมอยู่ในเอกสารฉบับนี้จัดทำขึ้นเพื่อการใช้งานโดยทั่วไป หากมีเนื้อหาส่วนใดที่อาจเข้าใจว่าเป็นคำแนะนำ ให้ถือว่าคำแนะนำใดที่รวมอยู่ในเอกสารฉบับนี้เป็นเพียงคำแนะนำโดยทั่วไป ไม่ได้จัดทำขึ้นโดยพิจารณาถึงวัตถุประสงค์ สถานการณ์ทางการเงิน ความเหมาะสมของผลิตภัณฑ์ทางการเงิน หรือตามความต้องการของคุณ

เนื้อหาสาระที่รวมอยู่ในเอกสารฉบับนี้มีวัตถุประสงค์เพียงเพื่อการให้ข้อมูลเท่านั้น และไม่ควรถือเป็นการให้คำแนะนำทางการเงิน อีกทั้งไม่ถือเป็นการเสนอหรือเชิญชวนหรือแนะนำให้ซื้อหรือขายผลิตภัณฑ์ทางการเงินแต่อย่างใด ข้อมูลที่รวมอยู่ในเอกสารฉบับนี้จัดทำขึ้นเพื่อการใช้งานโดยทั่วไป คำแนะนำใดที่รวมอยู่ในเอกสารฉบับนี้เป็นเพียงคำแนะนำโดยทั่วไป ไม่ได้จัดทำขึ้นโดยพิจารณาถึงวัตถุประสงค์ สถานการณ์ทางการเงิน ความเหมาะสมของผลิตภัณฑ์ทางการเงิน หรือตามความต้องการของคุณ ดังนั้นก่อนดำเนินการตามข้อมูลเหล่านี้ คุณควรพิจารณาถึงความเหมาะสมของข้อมูลที่ให้ไว้ ตลอดจนลักษณะของผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่เกี่ยวข้องตามวัตถุประสงค์ สถานการณ์ทางการเงิน และความต้องการของคุณ หากคุณไม่เข้าใจเนื้อหาในเอกสารฉบับนี้ โปรดขอคำปรึกษาจากที่ปรึกษาทางการเงินที่ได้รับอนุญาต

เอกสารฉบับนี้เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ทางการเงินซึ่งไม่อยู่ภายใต้ข้อบังคับใดหรือไม่จำเป็นต้องได้รับอนุมัติจาก DFSA และ DFSA ไม่มีหน้าที่ในการตรวจสอบหรือยืนยันเอกสารใดอันเกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ทางการเงินนี้ อีกทั้ง DFSA ไม่ได้เป็นผู้อนุมัติเอกสารฉบับนี้หรือเอกสารอื่นใดที่เกี่ยวข้อง รวมถึงไม่ได้ดำเนินมาตรการใดเพื่อยืนยันความถูกต้องของข้อมูลที่ปรากฏในเอกสารฉบับนี้ และไม่รับผิดชอบต่อข้อมูลดังกล่าว

เขตบริหารพิเศษฮ่องกง: Equities First Holdings Hong Kong Limitedได้รับใบอนุญาตภายใต้กฎหมายผู้ให้กู้ยืมในฮ่องกง (หมายเลขใบอนุญาตผู้ให้กู้เลขที่ 1659/2024)และดำเนินธุรกิจด้านการจัดการกับหลักทรัพย์ (ใบอนุญาตประเภทที่ 1)ภายใต้กฎหมายการกำกับหลักทรัพย์และสัญญาซื้อขายล่วงหน้าของฮ่องกง (“SFO”) (หมายเลข CEเลขที่ BFJ407)เอกสารฉบับนี้ยังไม่ได้รับการตรวจสอบจากคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และสัญญาซื้อขายล่วงหน้าของฮ่องกงนอกจากนี้เอกสารฉบับนี้ไม่ได้จัดทำขึ้นเพื่อเป็นเสนอการขายหลักทรัพย์ หรือชักจูงให้ซื้อผลิตภัณฑ์ที่จัดการหรือจัดหาโดย Equities First Holdings Hong Kong Limitedแต่จัดทำขึ้นสำหรับบุคคลที่มีคุณสมบัติเป็นนักลงทุนมืออาชีพภายใต้ SFOเท่านั้นเอกสารฉบับนี้ไม่ได้ส่งถึงบุคคลหรือองค์กรที่จะทำให้ข้อเสนอหรือคำเชิญชวนดังกล่าวผิดกฎหมายหรือถูกต้องห้าม

ประเทศเกาหลี: เอกสารข้างต้นจัดทำขึ้นสำหรับนักลงทุนรายใหญ่ที่มีความเชี่ยวชาญ นักลงทุนมืออาชีพ หรือนักลงทุนที่มีคุณสมบัติเหมาะสม ซึ่งมีความรู้และประสบการณ์เพียงพอต่อการทำธุรกรรมการจัดหาเงินทุนหลักทรัพย์เป็นการเฉพาะเจาะจง และไม่ได้จัดทำขึ้นสำหรับและไม่ควรใช้โดยบุคคลที่มีลักษณะไม่ตรงตามข้อกำหนดข้างต้น

สหราชอาณาจักร: Equities First (London) Limited ได้รับการรับรองและควบคุมในสหราชอาณาจักรโดยหน่วยงานกำกับดูแลด้านการเงิน (” FCA”) ในสหราชอาณาจักร เอกสารฉบับนี้ได้แจกจ่ายให้แก่บุคคลที่มีลักษณะเป็นไปตามมาตรา 19(5) (นักลงทุนมืออาชีพ) และมาตรา 42(2) (บริษัทที่มีมูลค่าสุทธิสูง สมาคมอิสระ ฯลฯ) ในส่วนที่ 4 ของพระราชบัญญัติว่าด้วยเรื่องบริการทางการเงินและตลาด ค.ศ. 2000 (การสนับสนุนทางการเงิน) คำสั่ง ค.ศ. 2005 (“FPO”) เท่านั้น และกิจกรรมการลงทุนใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการนำเสนอนี้จะใช้ได้เฉพาะกับบุคคลดังกล่าวและมีเพียงแค่บุคคลดังกล่าวเท่านั้นที่จะสามารถมีส่วนร่วมในกิจกรรมดังกล่าวได้ บุคคลที่ไม่มีประสบการณ์ระดับมืออาชีพในการลงทุน หรือบุคคลที่มีลักษณะไม่เป็นไปตามมาตรา 49 ของ FPO ไม่ควรใช้เอกสารนี้ เอกสารฉบับนี้จัดทำขึ้นสำหรับบุคคลที่มีคุณสมบัติเป็นนักลงทุนมืออาชีพภายใต้หน่วยงานที่ให้การกำกับการให้บริการด้านการลงทุนและผลิตภัณฑ์ทางการเงินในพื้นที่ภาคพื้นยุโรป (MiFID) เท่านั้น