ลงทุนในหัวใจสำคัญของเอเชียเพื่อสร้างความยืดหยุ่นให้กับห่วงโซ่อุปทาน

ก่อนการระบาดของโรคติดเชื้อโควิด-19 ข้อกังวลเกี่ยวกับห่วงโซ่อุปทานที่เด่นชัดที่สุดก็คืออัตราภาษีที่คาดเดาไม่ได้และการขึ้นค่าแรงในประเทศหลักๆ ที่เป็นแหล่งผลิต แต่โรคระบาดครั้งนี้แสดงให้เห็นความเสี่ยงต่อการหยุดชะงักของห่วงโซ่อุปทานที่ตรงไปตรงมากว่านั้นมาก และในปัจจุบัน สงครามรัสเซีย-ยูเครน รวมถึงการล็อกดาวน์ในหลายๆ เมืองของจีนก็ทำให้ความเชื่อมั่นในห่วงโซ่อุปทานทั่วโลกยิ่งสั่นคลอนหนัก

การหยุดชะงักทั้งหมดที่เกิดขึ้นส่งผลให้บริษัทต่างๆ หันมาให้ความสำคัญกับความมั่นคงของห่วงโซ่อุปทานกันมากขึ้น แต่ว่าหนทางในการสร้างความยืดหยุ่นนั้นมีหลายวิธี ถึงอย่างนั้น แนวทางที่ได้รับความนิยมมีอยู่ 3 แบบด้วยกัน ได้แก่ การย้ายฐานการผลิตกลับเข้าประเทศ การย้ายฐานการผลิตไปยังประเทศใกล้เคียง และการกระจายฐานการผลิต

วิธีแรกหรือการย้ายฐานการผลิตกลับเข้าประเทศหมายถึงการยกเลิกฐานการผลิตในต่างประเทศ แล้วนำกลับมายังประเทศของตัวเอง จริงๆ แล้ว บริษัทหลายแห่งในสหรัฐฯ เริ่มย้ายฐานการผลิตกลับมาในประเทศตั้งแต่ก่อนจะเกิดโรคระบาดแล้ว โดยมีจำนวนเพิ่มขึ้นในปี 2019 ซึ่งสาเหตุเกิดจากความขัดแย้งระหว่างสหรัฐอเมริกากับจีนมีความตึงเครียดมากขึ้น[1]

ส่วนการย้ายฐานการผลิตไปยังประเทศใกล้เคียงคือการที่บริษัทย้ายฐานการผลิตไปยังประเทศเพื่อนบ้านใกล้เคียง ไม่ใช่ย้ายกลับมายังประเทศของตัวเอง ตัวอย่างเช่น บริษัทสหรัฐฯ นิยมย้ายฐานการผลิตจากจีนมายังเม็กซิโก ตอนแรก เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเพราะมีการเพิ่มค่าแรงการผลิตในจีน ทำให้ค่าแรงของจีนสูงกว่าเม็กซิโกในปี 2015[2]รวมถึงมีการจัดเก็บภาษีเพิ่มขึ้น แต่กระบวนการดังกล่าวเกิดขึ้นเร็วกว่าเดิมหลังจากเกิดการหยุดชะงักของห่วงโซ่อุปทานครั้งที่ผ่านมา ซึ่งมีสาเหตุมาจากมาตรการรับมือโรคระบาดของจีนและความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ทวีความรุนแรงมากขึ้น

ทำไมการกระจายฐานการผลิตถึงดีกว่า

กลยุทธ์เหล่านี้อาจจะไม่ได้แก้ไขปัญหาทุกอย่าง ผลการศึกษาเมื่อเร็วๆ นี้ของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) พบว่าการกระจายฐานการผลิตให้มากขึ้นเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับห่วงโซ่อุปทาน[3] นักวิจัยของ IMF ไม่เห็นด้วยกับการยกเลิกฐานการผลิตเดิมและย้ายกลับเข้าประเทศ ซึ่งเป็นแนวคิดที่ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ ทั่วโลก เพราะในที่สุดแล้ว การใส่ไข่ทั้งหมดไว้ในตะกร้าใบเดียวไม่ได้ทำให้ธุรกิจมีความยืดหยุ่นมากขึ้นแต่อย่างใด แม้ว่าจะเก็บตะกร้าไว้ใกล้บ้านก็ตาม

การกระจายฐานการผลิตมีข้อดีหลายอย่างสำหรับบริษัทของจีน เพราะบริษัทจะได้รับประโยชน์จากค่าแรงที่มีราคาถูกกว่าประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคเอเชีย อีกทั้งยังได้อยู่ใกล้ชิดกับผู้บริโภคมากขึ้นด้วย ตัวอย่างเช่น BBK Electronics ที่ไม่ใช่ยี่ห้อสินค้าประจำบ้าน แต่กลับเป็นผู้ผลิตสมาร์ทโฟนรายใหญ่ที่สุดของโลกนำหน้า Samsung และ Apple เนื่องจากได้รวมหลายแบรนด์เข้าด้วยกัน ทั้ง Oppo, Vivo, OnePlus และ Realme ถึงแม้ว่าบริษัทจะมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในมณฑลกวางตุ้งของจีนที่ได้ชื่อว่าเป็น “โรงงานของโลก” แต่ BKK ก็มีโรงงานกระจายอยู่ทั่วโลก โดยมีการผลิตเพียง 40% เท่านั้นที่เกิดขึ้นในประเทศจีน[4]

บางประเทศได้รับประโยชน์มากกว่าประเทศอื่นๆ จากการที่ธุรกิจต่างๆ หันมากระจายฐานการผลิตกันมากขึ้น โรงงานผลิตหลายแห่งที่ต้องใช้แรงงานจำนวนมากกำลังย้ายออกจากจีนไปยังเวียดนาม โดยมณฑลกวางตุ้งกับเวียดนามมีขนาดประชากรใกล้เคียงกัน รวมทั้งมีนโยบายที่เอื้อประโยชน์ให้กับนักลงทุนต่างประเทศและการพัฒนานิคมอุตสาหกรรม แต่ข้อแตกต่างที่สำคัญก็คือ ค่าแรงขั้นต่ำในเวียดนามถูกกว่าค่าแรงในมณฑลกวางตุ้งเกือบครึ่ง[5]

แนวทางการจัดหาเงินทุนที่เปลี่ยนแปลงไป

อย่างไรก็ตาม หากบริษัทในเวียดนามและประเทศอื่นๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เช่น ไทย อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ต้องการจะได้รับประโยชน์จากความต้องการกระจายฐานการผลิตที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ประเทศเหล่านี้ต้องลงทุนในด้านขีดความสามารถ รวมถึงยกระดับทักษะของคนงาน

ส่วนบริษัทของจีนเองก็จำเป็นต้องพยายามยกระดับห่วงโซ่คุณค่าต่อไป เนื่องจากในอนาคตการผลิตจะกระจายไปทั่วภูมิภาคมากขึ้น โดยอาจจะต้องลงทุนเม็ดเงินจำนวนมหาศาลในเทคโนโลยีและทำการฝึกอบรมคนงานที่มีทักษะอยู่แล้ว วิธีนี้จะช่วยให้ผู้ผลิตชาวจีนสามารถย้ายขึ้นไปยังส่วนที่ทำกำไรได้มากขึ้นภายในห่วงโซ่อุปทานโดยไม่ถูกแทนที่

ความไม่แน่นอนที่เกิดขึ้นทั่วโลกเร่งให้ธุรกิจต่างๆ กระจายฐานการผลิตภายในห่วงโซ่อุปทานเร็วขึ้น และยังส่งผลให้สภาพคล่องเกิดความท้าทายมากขึ้นด้วย ในสภาพการณ์เหล่านี้ การจัดหาเงินทุนแบบใช้หลักทรัพย์ค้ำประกันเป็นทางออกที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนระยะยาวและผู้ประกอบการที่กำลังมองหาทางเพิ่มเงินทุนหรือลงทุนในธุรกิจใหม่ๆ โดยไม่จำเป็นต้องขายสินทรัพย์ที่ตัวเองถือครองอยู่ในตลาดออกไป

การทำข้อตกลงการขายและการซื้อคืนกับ EquitiesFirst ช่วยให้ผู้ถือหุ้นระยะยาวสามารถเข้าถึงสภาพคล่องสำหรับนำมาเป็นเงินทุนในโครงการกระจายฐานการผลิตหรือโครงการอื่นๆ โดยที่ยังคงได้รับประโยชน์จากราคาหุ้นที่อาจจะเพิ่มสูงขึ้นในอนาคต เช่นเดียวกับห่วงโซ่อุปทานที่มีความยืดหยุ่น ประโยชน์ที่จะได้รับจากการเป็นเจ้าของหลักทรัพย์และปรัชญาการลงทุนในระยะยาวจะยิ่งเห็นได้ชัดเจนในช่วงเวลาที่ตลาดมีความผันผวน


[1] https://www.dw.com/en/why-us-companies-are-reshoring-their-business/a-60054515

[2] https://www.supplychaindive.com/news/charts-reshoring-supply-chains/581246/

[3] https://www.reuters.com/business/autos-transportation/diversify-global-supply-chains-dont-dismantle-them-imf-says-2022-04-12/

[4] https://macropolo.org/analysis/supply-chain-diversification-quitting-china-is-hard/

[5] Ibid.

ข้อจำกัดความรับผิดชอบ

ผลการดำเนินงานในอดีตมิได้รับประกันผลตอบแทนในอนาคต และไม่มีการรับประกันหรือรับรองผลตอบแทนของแต่ละบุคคล

เอกสารฉบับนี้จัดทำขึ้นสำหรับนักลงทุนที่ได้รับการรับรอง นักลงทุนที่มีความเชี่ยวชาญ นักลงทุนมืออาชีพ หรือนักลงทุนที่มีคุณสมบัติตามที่กฎหมายอื่น ๆ กำหนดเท่านั้น และไม่ได้จัดทำขึ้นสำหรับและไม่ควรใช้โดยบุคคลที่มีลักษณะไม่เป็นไปตามข้อกำหนดที่เกี่ยวข้อง เนื้อหาที่ระบุไว้ในเอกสารฉบับนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ข้อมูลเท่านั้น อีกทั้งยังเป็นเนื้อหาที่มีลักษณะทั่วไปและไม่ได้จัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์หรือความต้องการทางการเงินที่เฉพาะเจาะจงใด ๆ มุมมองและความคิดเห็นที่ปรากฏในเอกสารฉบับนี้ได้จัดทำขึ้นโดยบุคคลที่ภายนอก และอาจไม่ได้สะท้อนมุมมองและความคิดเห็นของ EquitiesFirst นอกจากนี้ EquitiesFirst ไม่ได้ตรวจสอบหรือยืนยันข้อมูลที่ระบุไว้ในเอกสารฉบับนี้ด้วยตนเอง และไม่ได้รับรองว่าข้อมูลดังกล่าวถูกต้องหรือสมบูรณ์ ความคิดเห็นและข้อมูลในเอกสารฉบับนี้อาจมีการเปลี่ยนแปลงโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า เนื้อหาที่ระบุไว้ในเอกสารฉบับนี้ไม่ถือเป็นการเสนอขาย (หรือการชักชวนให้ซื้อ) หลักทรัพย์ การลงทุน หรือผลิตภัณฑ์ทางการเงินใด ๆ (“ข้อเสนอ”) ข้อเสนอใด ๆ ดังกล่าวจะต้องดำเนินการผ่านการเสนอขายที่เกี่ยวข้องหรือเอกสารอื่น ๆ ที่มีการระบุข้อกำหนดและเงื่อนไขที่เป็นสาระสำคัญไว้อย่างชัดเจนเท่านั้น ข้อมูลใด ๆ ในเอกสารฉบับนี้ไม่ถือเป็นการแนะนำ การจูงใจ การเชิญชวน การโน้มน้าว การส่งเสริมการขาย หรือเป็นข้อเสนอให้ซื้อหรือขายผลิตภัณฑ์การลงทุนใด ๆ จาก Equities First Holdings, LLC หรือบริษัทย่อยของ Equities First Holdings, LLC (เรียกรวมกันว่า ” EquitiesFirst”) และไม่ควรตีความในทางใดทางหนึ่งว่าเอกสารฉบับนี้เป็นการแนะนำด้านการลงทุน กฎหมาย หรือภาษี รวมถึงการแนะนำ การอ้างอิง หรือการรับรองจาก EquitiesFirst ท่านควรเสาะหาคำแนะนำทางการเงินด้วยตนเองก่อนตัดสินใจลงทุนในผลิตภัณฑ์ทางการเงิน

เอกสารฉบับนี้ประกอบด้วยทรัพย์สินทางปัญญาของ EquitiesFirst ในสหรัฐอเมริกาและประเทศอื่น ๆ รวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียงโลโก้ต่าง ๆ  และเครื่องหมายการค้าอื่น ๆ ทั้งที่จดทะเบียนและไม่ได้จดทะเบียน ตลอดจนเครื่องหมายบริการที่เกี่ยวข้องตามลำดับ EquitiesFirst ขอสงวนสิทธิ์ทั้งหมดในทรัพย์สินทางปัญญาที่ปรากฏในเอกสารฉบับนี้ เอกสารฉบับนี้ไม่ควรนำไปแจกจ่าย เผยแพร่ ทำซ้ำ หรือดำเนินการด้วยวิธีอื่น ๆ ที่ทำให้ผู้รับสามารถส่งต่อเนื้อหาทั้งหมดหรือบางส่วนของเอกสารฉบับนี้ไปยังผู้อื่นได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เอกสารฉบับนี้ไม่ควรนำไปแจกจ่ายให้แก่บุคคลในประเทศใด ๆ ซึ่งอาจนำไปสู่การละเมิดกฎหมายหรือระเบียบอื่นใดที่เกี่ยวข้อง

EquitiesFirst ไม่รับรองหรือรับประกันใด ๆ เกี่ยวกับเอกสารฉบับนี้ และขอปฏิเสธอย่างชัดแจ้งต่อการรับประกันโดยนัยใด ๆ ภายใต้กฎหมาย ท่านรับทราบว่า EquitiesFirst จะไม่ต้องรับผิดในทุกกรณี สำหรับความเสียหายทั้งทางตรง ทางอ้อม ที่เป็นกรณีพิเศษ ที่เป็นผลสืบเนื่อง โดยไม่เจตนา หรือที่เป็นการลงโทษ รวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียงการสูญเสียผลประโยชน์หรือการสูญเสียโอกาสใด ๆ แม้ว่า EquitiesFirst จะรับทราบถึงความเป็นไปได้ของความเสียหายดังกล่าวก็ตาม

EquitiesFirst ได้จัดทำคำแถลงการเพิ่มเติมดังต่อไปนี้ ซึ่งอาจบังคับใช้ในเขตอำนาจศาลที่ระบุไว้

ประเทศออสเตรเลีย: Equities First Holdings (Australia) Pty Ltd (หมายเลขทะเบียนบริษัท: 142 644 399) เป็นผู้ได้รับใบอนุญาตบริการทางการเงินของประเทศออสเตรเลีย (หมายเลข AFSL: 387079) สงวนลิขสิทธิ์ทั้งหมด

ข้อมูลที่ปรากฏในเอกสารฉบับนี้มีไว้สำหรับบุคคลที่อาศัยอยู่ในประเทศออสเตรเลียและจัดเป็นลูกค้าสำหรับการค้าส่ง (Wholesale Client) ตามที่ระบุในมาตรา 761G แห่งพระราชบัญญัติบริษัท ค.ศ. 2001 (Corporations Act 2001)เท่านั้นการเผยแพร่ข้อมูลให้บุคคลอื่นใดที่มีคุณสมบัติไม่เป็นไปตามเกณฑ์ที่กำหนดข้างต้นอาจมีข้อจำกัดตามกฎหมาย ทั้งนี้ บุคคลใดที่มีข้อมูลดังกล่าวในครอบครองควรเสาะหาคำแนะนำและทำความเข้าใจข้อจำกัดดังกล่าว เนื้อหาที่ปรากฏในเอกสารฉบับนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ข้อมูลเท่านั้น  และไม่ควรตีความว่าข้อมูลดังกล่าวเป็นข้อเสนอ การจูงใจ หรือคำแนะนำในการซื้อหรือขายผลิตภัณฑ์ทางการเงิน ข้อมูลที่ปรากฏในเอกสารฉบับนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ข้อมูลในลักษณะทั่วไป และไม่ใช่คำแนะนำเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ทางการเงินส่วนบุคคล คำแนะนำใด ๆ ที่ปรากฏในเอกสารฉบับนี้เป็นคำแนะนำทั่วไปเท่านั้น และจัดทำขึ้นโดยไม่ได้คำนึงถึงวัตถุประสงค์ สถานการณ์หรือความต้องการทางการเงินของผู้ลงทุน ก่อนดำเนินการเกี่ยวกับข้อมูลใด ๆ ที่ปรากฏในเอกสารฉบับนี้ ท่านควรพิจารณาถึงความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าว และลักษณะของผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่เกี่ยวข้อง โดยคำนึงถึงวัตถุประสงค์ สถานการณ์ และความต้องการทางการเงินของท่านท่านควรเสาะหาคำแนะนำทางการเงินด้วยตนเอง และอ่านคำแถลงการเกี่ยวกับการเปิดเผยข้อมูลที่เกี่ยวข้อง หรือเอกสารข้อเสนออื่น ๆ ก่อนตัดสินใจลงทุนในผลิตภัณฑ์ทางการเงิน

เขตบริหารพิเศษฮ่องกง: Equities First Holdings Hong Kong Limitedได้รับใบอนุญาตภายใต้กฎหมายผู้ให้กู้ยืมในฮ่องกง (หมายเลขใบอนุญาตผู้ให้กู้เลขที่ 1681/2023)และดำเนินธุรกิจด้านการจัดการกับหลักทรัพย์ (ใบอนุญาตประเภทที่ 1)ภายใต้กฎหมายการกำกับหลักทรัพย์และสัญญาซื้อขายล่วงหน้าของฮ่องกง (“SFO”) (หมายเลข CEเลขที่ BFJ407)เอกสารฉบับนี้ยังไม่ได้รับการตรวจสอบจากคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และสัญญาซื้อขายล่วงหน้าของฮ่องกงนอกจากนี้เอกสารฉบับนี้ไม่ได้จัดทำขึ้นเพื่อเป็นเสนอการขายหลักทรัพย์ หรือชักจูงให้ซื้อผลิตภัณฑ์ที่จัดการหรือจัดหาโดย Equities First Holdings Hong Kong Limitedแต่จัดทำขึ้นสำหรับบุคคลที่มีคุณสมบัติเป็นนักลงทุนมืออาชีพภายใต้ SFOเท่านั้นเอกสารฉบับนี้ไม่ได้ส่งถึงบุคคลหรือองค์กรที่จะทำให้ข้อเสนอหรือคำเชิญชวนดังกล่าวผิดกฎหมายหรือถูกต้องห้าม

ประเทศเกาหลี: เอกสารข้างต้นจัดทำขึ้นสำหรับนักลงทุนรายใหญ่ที่มีความเชี่ยวชาญ นักลงทุนมืออาชีพ หรือนักลงทุนที่มีคุณสมบัติเหมาะสม ซึ่งมีความรู้และประสบการณ์เพียงพอต่อการทำธุรกรรมการจัดหาเงินทุนหลักทรัพย์เป็นการเฉพาะเจาะจง และไม่ได้จัดทำขึ้นสำหรับและไม่ควรใช้โดยบุคคลที่มีลักษณะไม่ตรงตามข้อกำหนดข้างต้น

สหราชอาณาจักร: Equities First (London) Limited ได้รับการรับรองและควบคุมในสหราชอาณาจักรโดยหน่วยงานกำกับดูแลด้านการเงิน (” FCA”) ในสหราชอาณาจักร เอกสารฉบับนี้ได้แจกจ่ายให้แก่บุคคลที่มีลักษณะเป็นไปตามมาตรา 19(5) (นักลงทุนมืออาชีพ) และมาตรา 42(2) (บริษัทที่มีมูลค่าสุทธิสูง สมาคมอิสระ ฯลฯ) ในส่วนที่ 4 ของพระราชบัญญัติว่าด้วยเรื่องบริการทางการเงินและตลาด ค.ศ. 2000 (การสนับสนุนทางการเงิน) คำสั่ง ค.ศ. 2005 (“FPO”) เท่านั้น และกิจกรรมการลงทุนใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการนำเสนอนี้จะใช้ได้เฉพาะกับบุคคลดังกล่าวและมีเพียงแค่บุคคลดังกล่าวเท่านั้นที่จะสามารถมีส่วนร่วมในกิจกรรมดังกล่าวได้ บุคคลที่ไม่มีประสบการณ์ระดับมืออาชีพในการลงทุน หรือบุคคลที่มีลักษณะไม่เป็นไปตามมาตรา 49 ของ FPO ไม่ควรใช้เอกสารนี้ เอกสารฉบับนี้จัดทำขึ้นสำหรับบุคคลที่มีคุณสมบัติเป็นนักลงทุนมืออาชีพภายใต้หน่วยงานที่ให้การกำกับการให้บริการด้านการลงทุนและผลิตภัณฑ์ทางการเงินในพื้นที่ภาคพื้นยุโรป (MiFID) เท่านั้น