ลงทุนอย่างปลอดภัยโดยเลือกหุ้นเกี่ยวกับความปลอดภัยทางไซเบอร์

บริษัทต่างๆ ตกอยู่ในสถานการณ์สุ่มเสี่ยงเนื่องจากไม่ได้เตรียมตัวรับมือกับการโจมตีทางไซเบอร์ที่เกิดขึ้นบ่อยมากขึ้นและทวีความซับซ้อนมากกว่าเดิม มีการคาดการณ์กันว่า ต้นทุนในส่วนนี้รวมกันทั่วโลกจะพุ่งสูงถึงประมาณ 10.5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปี 2025 ซึ่งสูงกว่ามูลค่าความเสียหายทางเศรษฐกิจที่เกิดจากภัยพิบัติทางธรรมชาติเสียอีก[1]

องค์กรต่างๆ ทั่วโลกดูเหมือนจะไม่ได้ให้ความสำคัญกับปัญหานี้เท่าที่ควร ข้อมูลจากบริษัทให้คำปรึกษา McKinsey พบว่า บริษัทหลายแห่งทุ่มเม็ดเงินประมาณ 150,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปีเพื่อปกป้องตัวเองจากการโจมตีทางไซเบอร์ และจริงๆ พวกเขาควรใช้จ่ายเงิน 1.5 ถึง 2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ จึงจะอุดรอยรั่วจากความเสี่ยงทั้งหมดได้[2]

ในเรื่องนี้ บริษัทประกันภัยอย่าง Swiss Re เชื่อว่า บริษัทต่างๆ ได้รับความคุ้มครองแค่ประมาณ 10% ของการสูญเสียที่น่าจะเกิดขึ้นจากการโจมตีทางไซเบอร์[3] ซึ่งมีหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการขโมยเงิน ข้อมูล ทรัพย์สินทางปัญญาโดยตรง ไปจนถึงการทำให้บริการหยุดชะงักหรือการสูญเสียประสิทธิภาพการทำงาน รวมทั้งการจำเป็นต้องซ่อมแซมและฟื้นฟูระบบที่เป็นเป้าหมายในการถูกโจมตี

ความกังวลของนักลงทุนในตลาดทุน

ผู้ที่มีอำนาจตัดสินใจเกี่ยวกับการลงทุนในสถาบันการเงินขนาดใหญ่ของโลกตระหนักถึงความเสี่ยงเหล่านี้เป็นอย่างดี ในการศึกษาเกี่ยวกับอนาคตของตราสารทุนทั่วโลกที่ดำเนินการโดย EquitiesFirst โดยร่วมมือกับ Institutional Investor ผู้ตอบแบบสำรวจส่วนใหญ่เน้นย้ำว่าการโจมตีทางไซเบอร์ที่เกิดขึ้นกับบริษัทและรัฐบาลเป็นหนึ่งในความกังวลด้านภูมิศาสตร์การเมืองที่เป็นปัญหาใหญ่ที่สุดในปัจจุบัน และจัดอันดับการโจมตีทางไซเบอร์ให้อยู่ถัดจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศและสงครามในยุโรป

ที่มาของรูปภาพ:https://equitiesfirst.com/int/ii-partnership/

ข้อมูลนี้สำคัญอย่างยิ่งกับนักลงทุนที่เป็นบุคคลทั่วไป ซึ่งอาจจะยังไม่ทราบความเสี่ยงในระดับที่แท้จริง โดยมีสาเหตุหลักสองประการ

สาเหตุแรกคือ นอกเหนือจากการโจมตีที่สื่อให้ความสนใจอย่างแพร่หลายอย่างการโจมตี Colonial Pipeline ด้วยไวรัสเรียกค่าไถ่หรือการละเมิดข้อมูลทางโซเชียลมีเดียครั้งใหญ่ ๆ แล้ว เราไม่ค่อยได้ยินข่าวเกี่ยวกับการโจมตีทางไซเบอร์ที่เกิดขึ้นมากนัก ทั้งๆ ที่เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอย่างแพร่หลาย โดยในแต่ละวันมีการโจมตีทางไซเบอร์ประมาณ 2,200 ครั้ง[4] จากข้อมูลของกระทรวงยุติธรรมแห่งสหรัฐอเมริกาพบว่า มีการรายงานอาชญากรรมทางไซเบอร์ต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแค่หนึ่งในเจ็ดของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด โดยสันนิษฐานว่าอาจจะเป็นเพราะความอับอาย ความกลัวที่จะเสียชื่อเสียง หรือเป็นเพราะเชื่อว่าหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายไม่สามารถช่วยอะไรได้[5]

สาเหตุอย่างที่สองคือ ต้องรอหลายเดือนหรืออาจจะหลายปีกว่าที่ผลกระทบที่เกิดจากข้อมูลรั่วไหลและการละเมิดข้อมูลจะรู้สึกได้อย่างชัดเจน ปัจจุบันมีโอกาสเป็นไปได้ว่าข้อมูลของคุณอาจจะถูกโจมตีเรียบร้อยแล้ว เห็นได้จากการละเมิดข้อมูลของ Facebook และ LinkedIn เมื่อไม่นานมานี้ ซึ่งแต่ละเว็บไซต์มีข้อมูลกว่า 500 ล้านบัญชีรั่วไหล ส่วนบริษัทที่เป็นเหยื่อของการแฮ็กข้อมูลครั้งใหญ่ที่สุดในปี 2013 คือ Yahoo ซึ่งมีข้อมูลบัญชี 3 พันล้านบัญชีรั่วไหล[6] โดยต้นทุนทั้งหมดของการละเมิดข้อมูลเหล่านี้อาจจะไม่สามารถประเมินได้เลย

ความเสี่ยงจากการโจมตีทางไซเบอร์ทำให้นักลงทุนที่เน้นลงทุนในตลาดทุกแห่งที่อยู่ในการศึกษาของเรา ทั้งอเมริกาเหนือ ยุโรป และเอเชีย เกิดความกังวล

นักลงทุนที่เน้นลงทุนในตลาดอเมริกาเหนือ ซึ่งบริษัทผู้ให้บริการโซลูชันรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์รายใหญ่ที่สุด เช่น CrowdStrike, Palo Alto Networks, Datadog, Okta และ Splunk[7] จดทะเบียนอยู่ จะมีความกังวลเกี่ยวกับการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์มากกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลกอย่างมีนัยสำคัญ

ความเสี่ยงเชิงระบบเพิ่มขึ้น

นอกเหนือจากอาชญากรรมทางไซเบอร์ที่ส่งผลกระทบต่อธุรกิจและบุคคลทั่วไปจะเพิ่มขึ้นแล้ว สภาเศรษฐกิจโลกยังออกคำเตือนด้วยว่าการพยายามโจมตีทรัพยากรและบริการที่ขับเคลื่อนเทคโนโลยีสำคัญจะพบเห็นได้บ่อยมากขึ้น โดยคาดว่าจะมีการโจมตีภาคธุรกิจการเกษตรและน้ำ ระบบทางการเงิน ความมั่นคงสาธารณะ การคมนาคมขนส่ง พลังงาน รวมไปถึงโครงสร้างพื้นฐานด้านการสื่อสารภายในประเทศ บนอวกาศ และใต้ทะเล[8]

การโจมตีรูปแบบดังกล่าวเกิดขึ้นพร้อมกันในสงครามรัสเซีย-ยูเครน ซึ่งแสดงให้เห็นว่าภาคส่วนที่สำคัญต่อระบบเศรษฐกิจโดยรวมเปราะบางต่อการโจมตีทางไซเบอร์ขนาดไหน

ความเปราะบางเหล่านี้ยิ่งเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ อันเป็นผลมาจาก “พื้นที่โจมตี” กว้างมากขึ้น[9] ปัจจุบัน อุปกรณ์เครือข่ายบนโลกของเรามีจำนวนมากกว่ามนุษย์เกินกว่าสามเท่า[10] ในขณะที่เซนเซอร์เครือข่ายที่ฝังอยู่รอบๆ ตัวเราก็จะเพิ่มจำนวนจาก 1 ล้านล้าน เป็น 45 ล้านล้านตัวในอีก 15 ปีข้างหน้า

ภูมิทัศน์ด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์จะยิ่งทวีความซับซ้อนมากขึ้นไปอีกเนื่องจากปัญญาประดิษฐ์ก้าวหน้าขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยทั้งผู้โจมตีและผู้ป้องกันการโจมตีจะนำเทคโนโลยีมาใช้ ยิ่งไปกว่านั้น หลายคนยังกังวลว่าการมาถึงของควอนตัมคอมพิวเตอร์ ซึ่งเป็นภัยคุกคามต่อเสถียรภาพของระบบเข้ารหัสแทบจะทั้งหมดที่มีอยู่ในปัจจุัน อาจจะทำลายสมดุลและเอื้อประโยชน์ให้กับผู้โจมตีมากกว่าในสงครามที่ทั้งสองฝ่ายต่างก็ต่อสู้กันอย่างไม่หยุดหย่อน

เลือกหุ้นปลอดภัยตามกระแส

เมื่อพบว่าอาชญากรทางไซเบอร์อาจจะอยู่ในสถานะได้เปรียบและตระหนักถึงความเสี่ยงมากขึ้น บริษัทต่างๆ จึงมีแนวโน้มว่าจะเพิ่มงบประมาณให้กับการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ในช่วงหลายปีนับจากนี้

รูปการณ์ดังกล่าวส่งผลดีต่อหุ้นของบริษัทรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ ซึ่งยังเติบโตตามหลังธุรกิจเทคโนโลยีในปี 2023[11] และท่ามกลางสัญญาณของภาวะเศรษฐกิจถดถอย บริษัทยังอาจจะได้รับประโยชน์จากการเป็นหุ้นที่มีความผันผวนน้อย เนื่องจากธุรกิจต่างๆ มีความจำเป็นต้องป้องกันความเสี่ยงทาง ไซเบอร์ ทั้งในเวลาปกติและกรณีเกิดสถานการณ์เลวร้าย

ด้วยเหตุนี้ บุคคลทั่วไปที่ต้องการสภาพคล่อง ไม่ว่าจะเพื่อลงทุนในหุ้นบริษัทรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์หรือเตรียมพร้อมรับมือกับอาชญากรรมทางไซเบอร์ น่าจะพิจารณาสินเชื่อแบบใช้หลักทรัพย์ค้ำประกัน เพราะการใช้ตราสารทุนหรือคริปโตเป็นหลักประกัน นักลงทุนจะได้รับเงินกู้ยืมแบบไม่มีสิทธิไล่เบี้ยและไม่กำหนดวัตถุประสงค์การใช้งาน พร้อมกันนั้นยังคงได้รับประโยชน์จากการเป็นเจ้าของและกำไรส่วนต่างของสินทรัพย์ที่ใช้เป็นหลักประกันด้วยหลังจากสิ้นสุดระยะสัญญากู้ยืมแล้ว

การตั้งรับเป็นทางเลือกที่ฉลาด แต่เมื่อตลาดทุนมีความไม่แน่นอนมากขึ้น และระดับภัยคุกคามของอาชญากรรมทางไซเบอร์เพิ่มสูงขึ้น นักลงทุนก็น่าจะเตรียมตัวให้พร้อมเช่นกัน


[1] https://www.forbes.com/sites/rajindertumber/2019/01/05/cyber-attacks-igniting-the-next-recession/?sh=1c3747eddbe4

[2] https://www.mckinsey.com/capabilities/risk-and-resilience/our-insights/cybersecurity/new-survey-reveals-2-trillion-dollar-market-opportunity-for-cybersecurity-technology-and-service-providers

[3] https://www.swissre.com/institute/research/topics-and-risk-dialogues/digital-business-model-and-cyber-risk/cyber-insurance-strengthening-resilience.html

[4] https://www.cobalt.io/blog/cybersecurity-statistics-2023

[5] https://www.anapaya.net/blog/the-unseen-problem-of-unreported-cybercrime

[6] https://www.csoonline.com/article/2130877/the-biggest-data-breaches-of-the-21st-century.html

[7] https://www.fool.com/investing/stock-market/market-sectors/information-technology/cybersecurity-stocks/

[8] https://www.weforum.org/reports/global-risks-report-2023/digest/

[9] https://www.ibm.com/topics/attack-surface

[10] https://www.cisco.com/c/en/us/solutions/collateral/executive-perspectives/annual-internet-report/white-paper-c11-741490.html

[11] https://www.investors.com/news/technology/cybersecurity-stocks/

ข้อจำกัดความรับผิดชอบ

ผลการดำเนินงานในอดีตมิได้รับประกันผลตอบแทนในอนาคต และไม่มีการรับประกันหรือรับรองผลตอบแทนของแต่ละบุคคล

เอกสารฉบับนี้จัดทำขึ้นสำหรับนักลงทุนที่ได้รับการรับรอง นักลงทุนที่มีความเชี่ยวชาญ นักลงทุนมืออาชีพ หรือนักลงทุนที่มีคุณสมบัติตามที่กฎหมายอื่น ๆ กำหนดเท่านั้น และไม่ได้จัดทำขึ้นสำหรับและไม่ควรใช้โดยบุคคลที่มีลักษณะไม่เป็นไปตามข้อกำหนดที่เกี่ยวข้อง เนื้อหาที่ระบุไว้ในเอกสารฉบับนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ข้อมูลเท่านั้น อีกทั้งยังเป็นเนื้อหาที่มีลักษณะทั่วไปและไม่ได้จัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์หรือความต้องการทางการเงินที่เฉพาะเจาะจงใด ๆ มุมมองและความคิดเห็นที่ปรากฏในเอกสารฉบับนี้ได้จัดทำขึ้นโดยบุคคลที่ภายนอก และอาจไม่ได้สะท้อนมุมมองและความคิดเห็นของ EquitiesFirst นอกจากนี้ EquitiesFirst ไม่ได้ตรวจสอบหรือยืนยันข้อมูลที่ระบุไว้ในเอกสารฉบับนี้ด้วยตนเอง และไม่ได้รับรองว่าข้อมูลดังกล่าวถูกต้องหรือสมบูรณ์ ความคิดเห็นและข้อมูลในเอกสารฉบับนี้อาจมีการเปลี่ยนแปลงโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า เนื้อหาที่ระบุไว้ในเอกสารฉบับนี้ไม่ถือเป็นการเสนอขาย (หรือการชักชวนให้ซื้อ) หลักทรัพย์ การลงทุน หรือผลิตภัณฑ์ทางการเงินใด ๆ (“ข้อเสนอ”) ข้อเสนอใด ๆ ดังกล่าวจะต้องดำเนินการผ่านการเสนอขายที่เกี่ยวข้องหรือเอกสารอื่น ๆ ที่มีการระบุข้อกำหนดและเงื่อนไขที่เป็นสาระสำคัญไว้อย่างชัดเจนเท่านั้น ข้อมูลใด ๆ ในเอกสารฉบับนี้ไม่ถือเป็นการแนะนำ การจูงใจ การเชิญชวน การโน้มน้าว การส่งเสริมการขาย หรือเป็นข้อเสนอให้ซื้อหรือขายผลิตภัณฑ์การลงทุนใด ๆ จาก Equities First Holdings, LLC หรือบริษัทย่อยของ Equities First Holdings, LLC (เรียกรวมกันว่า ” EquitiesFirst”) และไม่ควรตีความในทางใดทางหนึ่งว่าเอกสารฉบับนี้เป็นการแนะนำด้านการลงทุน กฎหมาย หรือภาษี รวมถึงการแนะนำ การอ้างอิง หรือการรับรองจาก EquitiesFirst ท่านควรเสาะหาคำแนะนำทางการเงินด้วยตนเองก่อนตัดสินใจลงทุนในผลิตภัณฑ์ทางการเงิน

เอกสารฉบับนี้ประกอบด้วยทรัพย์สินทางปัญญาของ EquitiesFirst ในสหรัฐอเมริกาและประเทศอื่น ๆ รวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียงโลโก้ต่าง ๆ  และเครื่องหมายการค้าอื่น ๆ ทั้งที่จดทะเบียนและไม่ได้จดทะเบียน ตลอดจนเครื่องหมายบริการที่เกี่ยวข้องตามลำดับ EquitiesFirst ขอสงวนสิทธิ์ทั้งหมดในทรัพย์สินทางปัญญาที่ปรากฏในเอกสารฉบับนี้ เอกสารฉบับนี้ไม่ควรนำไปแจกจ่าย เผยแพร่ ทำซ้ำ หรือดำเนินการด้วยวิธีอื่น ๆ ที่ทำให้ผู้รับสามารถส่งต่อเนื้อหาทั้งหมดหรือบางส่วนของเอกสารฉบับนี้ไปยังผู้อื่นได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เอกสารฉบับนี้ไม่ควรนำไปแจกจ่ายให้แก่บุคคลในประเทศใด ๆ ซึ่งอาจนำไปสู่การละเมิดกฎหมายหรือระเบียบอื่นใดที่เกี่ยวข้อง

EquitiesFirst ไม่รับรองหรือรับประกันใด ๆ เกี่ยวกับเอกสารฉบับนี้ และขอปฏิเสธอย่างชัดแจ้งต่อการรับประกันโดยนัยใด ๆ ภายใต้กฎหมาย ท่านรับทราบว่า EquitiesFirst จะไม่ต้องรับผิดในทุกกรณี สำหรับความเสียหายทั้งทางตรง ทางอ้อม ที่เป็นกรณีพิเศษ ที่เป็นผลสืบเนื่อง โดยไม่เจตนา หรือที่เป็นการลงโทษ รวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียงการสูญเสียผลประโยชน์หรือการสูญเสียโอกาสใด ๆ แม้ว่า EquitiesFirst จะรับทราบถึงความเป็นไปได้ของความเสียหายดังกล่าวก็ตาม

EquitiesFirst ได้จัดทำคำแถลงการเพิ่มเติมดังต่อไปนี้ ซึ่งอาจบังคับใช้ในเขตอำนาจศาลที่ระบุไว้

ประเทศออสเตรเลีย: Equities First Holdings (Australia) Pty Ltd (หมายเลขทะเบียนบริษัท: 142 644 399) เป็นผู้ได้รับใบอนุญาตบริการทางการเงินของประเทศออสเตรเลีย (หมายเลข AFSL: 387079) สงวนลิขสิทธิ์ทั้งหมด

ข้อมูลที่ปรากฏในเอกสารฉบับนี้มีไว้สำหรับบุคคลที่อาศัยอยู่ในประเทศออสเตรเลียและจัดเป็นลูกค้าสำหรับการค้าส่ง (Wholesale Client) ตามที่ระบุในมาตรา 761G แห่งพระราชบัญญัติบริษัท ค.ศ. 2001 (Corporations Act 2001)เท่านั้นการเผยแพร่ข้อมูลให้บุคคลอื่นใดที่มีคุณสมบัติไม่เป็นไปตามเกณฑ์ที่กำหนดข้างต้นอาจมีข้อจำกัดตามกฎหมาย ทั้งนี้ บุคคลใดที่มีข้อมูลดังกล่าวในครอบครองควรเสาะหาคำแนะนำและทำความเข้าใจข้อจำกัดดังกล่าว เนื้อหาที่ปรากฏในเอกสารฉบับนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ข้อมูลเท่านั้น  และไม่ควรตีความว่าข้อมูลดังกล่าวเป็นข้อเสนอ การจูงใจ หรือคำแนะนำในการซื้อหรือขายผลิตภัณฑ์ทางการเงิน ข้อมูลที่ปรากฏในเอกสารฉบับนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ข้อมูลในลักษณะทั่วไป และไม่ใช่คำแนะนำเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ทางการเงินส่วนบุคคล คำแนะนำใด ๆ ที่ปรากฏในเอกสารฉบับนี้เป็นคำแนะนำทั่วไปเท่านั้น และจัดทำขึ้นโดยไม่ได้คำนึงถึงวัตถุประสงค์ สถานการณ์หรือความต้องการทางการเงินของผู้ลงทุน ก่อนดำเนินการเกี่ยวกับข้อมูลใด ๆ ที่ปรากฏในเอกสารฉบับนี้ ท่านควรพิจารณาถึงความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าว และลักษณะของผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่เกี่ยวข้อง โดยคำนึงถึงวัตถุประสงค์ สถานการณ์ และความต้องการทางการเงินของท่านท่านควรเสาะหาคำแนะนำทางการเงินด้วยตนเอง และอ่านคำแถลงการเกี่ยวกับการเปิดเผยข้อมูลที่เกี่ยวข้อง หรือเอกสารข้อเสนออื่น ๆ ก่อนตัดสินใจลงทุนในผลิตภัณฑ์ทางการเงิน

เขตบริหารพิเศษฮ่องกง: Equities First Holdings Hong Kong Limitedได้รับใบอนุญาตภายใต้กฎหมายผู้ให้กู้ยืมในฮ่องกง (หมายเลขใบอนุญาตผู้ให้กู้เลขที่ 1681/2023)และดำเนินธุรกิจด้านการจัดการกับหลักทรัพย์ (ใบอนุญาตประเภทที่ 1)ภายใต้กฎหมายการกำกับหลักทรัพย์และสัญญาซื้อขายล่วงหน้าของฮ่องกง (“SFO”) (หมายเลข CEเลขที่ BFJ407)เอกสารฉบับนี้ยังไม่ได้รับการตรวจสอบจากคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และสัญญาซื้อขายล่วงหน้าของฮ่องกงนอกจากนี้เอกสารฉบับนี้ไม่ได้จัดทำขึ้นเพื่อเป็นเสนอการขายหลักทรัพย์ หรือชักจูงให้ซื้อผลิตภัณฑ์ที่จัดการหรือจัดหาโดย Equities First Holdings Hong Kong Limitedแต่จัดทำขึ้นสำหรับบุคคลที่มีคุณสมบัติเป็นนักลงทุนมืออาชีพภายใต้ SFOเท่านั้นเอกสารฉบับนี้ไม่ได้ส่งถึงบุคคลหรือองค์กรที่จะทำให้ข้อเสนอหรือคำเชิญชวนดังกล่าวผิดกฎหมายหรือถูกต้องห้าม

ประเทศเกาหลี: เอกสารข้างต้นจัดทำขึ้นสำหรับนักลงทุนรายใหญ่ที่มีความเชี่ยวชาญ นักลงทุนมืออาชีพ หรือนักลงทุนที่มีคุณสมบัติเหมาะสม ซึ่งมีความรู้และประสบการณ์เพียงพอต่อการทำธุรกรรมการจัดหาเงินทุนหลักทรัพย์เป็นการเฉพาะเจาะจง และไม่ได้จัดทำขึ้นสำหรับและไม่ควรใช้โดยบุคคลที่มีลักษณะไม่ตรงตามข้อกำหนดข้างต้น

สหราชอาณาจักร: Equities First (London) Limited ได้รับการรับรองและควบคุมในสหราชอาณาจักรโดยหน่วยงานกำกับดูแลด้านการเงิน (” FCA”) ในสหราชอาณาจักร เอกสารฉบับนี้ได้แจกจ่ายให้แก่บุคคลที่มีลักษณะเป็นไปตามมาตรา 19(5) (นักลงทุนมืออาชีพ) และมาตรา 42(2) (บริษัทที่มีมูลค่าสุทธิสูง สมาคมอิสระ ฯลฯ) ในส่วนที่ 4 ของพระราชบัญญัติว่าด้วยเรื่องบริการทางการเงินและตลาด ค.ศ. 2000 (การสนับสนุนทางการเงิน) คำสั่ง ค.ศ. 2005 (“FPO”) เท่านั้น และกิจกรรมการลงทุนใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการนำเสนอนี้จะใช้ได้เฉพาะกับบุคคลดังกล่าวและมีเพียงแค่บุคคลดังกล่าวเท่านั้นที่จะสามารถมีส่วนร่วมในกิจกรรมดังกล่าวได้ บุคคลที่ไม่มีประสบการณ์ระดับมืออาชีพในการลงทุน หรือบุคคลที่มีลักษณะไม่เป็นไปตามมาตรา 49 ของ FPO ไม่ควรใช้เอกสารนี้ เอกสารฉบับนี้จัดทำขึ้นสำหรับบุคคลที่มีคุณสมบัติเป็นนักลงทุนมืออาชีพภายใต้หน่วยงานที่ให้การกำกับการให้บริการด้านการลงทุนและผลิตภัณฑ์ทางการเงินในพื้นที่ภาคพื้นยุโรป (MiFID) เท่านั้น